"ทนายไพศาล" ปัดเป็นทนายให้หมอดูฮวงจุ้ยดัง ยันจะดำเนินคดีหากมีการพาดพิง แอบอ้าง พร้อมพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความ-ให้ปากคำกับตำรวจ
วันที่ 5 พ.ย. 67 เวลา 16.30 น. ที่ริมฟุตบาทหน้า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. กลุ่มผู้เสียหายซึ่งถูกหมอดูฮวงจุ้ย แนะนำให้ซื้อวัตถุมงคลแต่ไม่ได้รับของ ทยอยเดินทางเข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปราม
นาง เอ. (นามสมมติ ) อายุ 50 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตัวเองรู้จักกับหมอดูคนดังกล่าว ผ่านรายการทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง รู้สึกว่ามีความน่าเชื่อถือและดูใจดี จึงตัดสินใจติดต่อทางโทรศัพท์ ไปยังบริษัทของหมอดูคนดังกล่าว และมีการนัดหมายกันให้เดินทางมาตรวจสอบบริเวณบ้านของตัวเองในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี
เนื่องจากขณะนั้นมีแผนที่จะต่อเติมบ้าน จึงต้องการให้มาดูสภาพฮวงจุ้ย โดยเหตุเกิดในช่วงปี พ.ศ. 2566 หมอดูคนดังกล่าวได้มีการเรียกเก็บค่าดูฮวงจุ้ยบ้าน ทั้งหมด 150,000 บาท แบ่งเป็นเงินมัดจำก้อนแรก 70,000 บาท โอนเข้าบัญชีบริษัทและจะมารับเงินสดเป็นจำนวนเงินอีก 80,000 บาทที่บ้านของตัวเอง และทันทีที่หมอดูเดินทางมาถึงบ้านได้ตรวจสอบสภาพบ้าน และพบว่าสภาพบ้านเดิมดีอยู่แล้ว แต่มีปัญหาคือบริเวณเสาไฟฟ้าแรงสูงด้านหน้าบ้าน
โดยอ้างว่าจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้หญิงภายในบ้าน จะทำให้ผู้หญิงภายในบ้านมีอาการป่วย ที่บริเวณช่องท้อง ซึ่งขณะนั้น ตัวเองป่วยเกี่ยวกับช่องท้องอยู่พอดี จึงยิ่งหลงเชื่อ เบื้องต้นซินแสคนดังกล่าว อ้างว่าวิธีการแก้ไขฮวงจุ้ยคือจะต้องมีการนำกิเลน 2 คู่มาตั้ง แบ่งเป็นตัวใหญ่ 2 ตัว และตัวเล็กอีก 2 ตัว มาตั้งไว้ภายในบริเวณบ้าน โดยคิดราคาทั้ง 2 คู่เป็นเงิน 1.3 ล้านบาท
แต่ภายหลังมีการต่อรองกัน จนลดราคาให้เป็นจำนวนเงิน 900,000 บาท ซึ่งตัวเองได้มีการชำระเงินไปจนครบ และมีการทวงถามหากิเลนมาโดยตลอดทุก 2-3 เดือน แต่หมอดูคนดังกล่าวได้ผัดผ่อน และไม่ได้มีการส่งมอบของให้ตามกำหนดหลายครั้ง กระทั่งตัดสินใจไม่รับกิเลนทั้ง 2 คู่ และขอเงินคืนแทน แต่จนถึงขณะนี้ เวลาผ่านไปกว่า 1 ปีแล้ว ก็ยังไม่ได้รับเงินคืนจึงตัดสินใจ เดินทางมาแจ้งความในวันนี้
...
ด้าน น.ส.บี (นามสมมติ ) 35 ปี ผู้เสียหายอีกราย ระบุว่าหากในอนาคตหมอดูคนดังกล่าว มีการประสาน เพื่อจะคืนเงินแต่ขอให้ยอมความ ขณะนี้ตัวเองก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะยินยอมหรือไม่ โดยจะขอปรึกษาข้อกฎหมายกับทางทนายความก่อน
ด้านนางสาวมิ้ว ผู้เสียหายอีก 1 คน เปิดเผยว่า ตัวเองรู้จักกับหมอดูคนนี้จากช่องทางออนไลน์ ส่วนตัวมองว่าเป็นคนน่าเชื่อถือ ซึ่งขณะนั้นตัวเองกำลังจะสร้างบ้านใหม่ จึงได้ให้หมอดูคนนี้ มาดูแปลนบ้านและฮวงจุ้ยให้ คิดราคา 55,000 บาท ขณะเดียวกันหมอดูคนนี้ ได้มีการโน้มน้าวให้ตัวเองซื้อรูปปั้นแกะสลักสิงห์เพิ่ม โดยแนะนำว่าที่ดินบ้านของตัวเองนั้นเป็นดินไม่ดี เป็นดินป่าช้า และต้องทำพิธี
โดยมีสองตัวเลือก คือทำพิธีล้างดินให้สะอาด คิดราคา 300,000 บาท หรือบูชาสิงห์ 1 คู่ ขนาด2 ฟุต ราคา 200,000 บาท แต่ซินแสให้เงื่อนไขเพิ่มเติมว่า จะขอยืมเงินลงทุน 100,000 บาท โดยแลกกับส่วนลดราคาสิงห์ให้ 50,000 บาท ตัวเองจึงโอนเงินไปเป็นทั้งหมด 300,000 บาท แบ่งเป็นค่าสิงห์ 200,000 และเงินยืม 100,000
แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังได้รับเงินคืน อีกทั้งก็ยังไม่ได้รับของด้วย ซึ่งที่ผ่านมาตัวเองได้พยายามทวงถามตลอด แต่หมอดูคนนี้ก็บ่ายเบี่ยง ที่ผ่านมากว่า 1 ปี ตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกเอะใจ กระทั่งเมื่อวานนี้ได้ดูรายการหนึ่ง ที่มีการเปิดเผยพฤติกรรมของหมอดูคนนี้ จึงรู้ว่าเป็นอาจารย์คนเดียวกัน ทำให้รู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่ออีกหนึ่งคน จึงได้เดินทางมาเข้าแจ้งความดังกล่าว
ด้าน ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ออกมาชี้แจงยืนยันว่า ตัวเองไม่ใช่ทนายของหมอดูฮวงจุ้ยคนดังกล่าว เป็นเพียงผู้ประสบภัย หรือผู้ถูกพาดพิง เพราะไม่เคยมีการว่าความให้ และไม่ได้มีการเซ็นใบแต่งตั้งทนาย มีเพียงช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หมอดูฮวงจุ้ยได้เข้ามาปรึกษาว่าจะฟ้องร้องบุคคล 2 คน ซึ่งเป็นดารา 1 คน และบุคคลอื่นอีก 1 คน จากนั้นตัวเองก็ได้ถามข้อเท็จจริง และบอกให้หมอดูฮวงจุ้ยนำหลักฐานและไปแจ้งความ จนเวลาล่วงเลยไป หมอดูฮวงจุ้ยรายดังกล่าวก็ไม่ไปแจ้งความสักที จนตอนนี้อายุความใกล้จะหมดแล้ว
จนเมื่อเพจบิ๊กเกรียนออกมาแฉ หมอดูฮวงจุ้ยได้โทรติดต่อมาหาตัวเอง และบอกให้ตัวเองไปดูข่าวล่าสุด และเมื่อได้ดูข่าวตัวเองจึงได้สอบถามข้อเท็จจริงจากหมอดูฮวงจุ้ย ซึ่งหมอดูฮวงจุ้ยยืนยันว่า ไม่ได้ทำ พร้อมถามกลับว่าจะต้องทำอย่างไร
ส่วนตัวจึงบอกไปว่าตามจิตวิทยาถ้าคนไม่ผิด และถูกกล่าวหา ส่วนมากจะต้องรีบมาแสดงความบริสุทธิ์ แต่ถ้าทำผิดคนส่วนใหญ่จะหนี ซึ่งหมอดูฮวงจุ้ยนั้นอยากตั้งโต๊ะแถลงข่าว แต่ขอให้ตัวเองนั่งแถลงด้วย แต่ได้ปฏิเสธไป เพราะตัวเองไม่ทราบข้อเท็จจริงและขอไม่ยุ่ง จึงได้แนะนำให้ออกไปชี้แจง หมอดูฮวงจุ้ยจึงได้ไปชี้แจงที่รายการโหนกระแส เพียงเท่านั้น
...
จนเมื่อมีกระแสข่าวตัวเองเป็นทนายให้กับหมอดูฮวงจุ้ย จึงได้โทรไปสอบถามว่าได้มีการนำรูปไปแอบอ้างหรือไม่ ทางหมอดูฮวงจุ้ยปฏิเสธพร้อมบอกว่า รูปนี้ลงไว้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้ว ส่วนตัวจึงบอกหมอดูฮวงจุ้ยไปว่า ห้ามนำชื่อตัวเองไปแอบอ้างเด็ดขาด และความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าตัวเองไปข่มขู่คู่กรณีของหมอดูฮวงจุ้ยนั้น ขอยืนยันว่า ไม่จริง มีเพียงโทรไปสอบถามข้อเท็จจริง ก่อนจะให้กำลังใจ และพยายามติดต่อทั้งสองฝ่ายเพื่อให้เจรจากัน ก็ไม่รู้ว่าทางหมอดูฮวงจุ้ยจะมีการข่มขู่ แล้วอ้างชื่อตัวเองหรือไม่
อย่างไรก็ตามหากพบพยานหลักฐาน ทั้งภาพแชท ภาพวิดีโอคลิปเสียงที่มีการกล่าวอ้างถึงตัวเอง หมอดูฮวงจุ้ยจะต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน หลังจากนี้ตนจะพาผู้เสียหายที่ไปออกโหนกระแสมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความเอาผิดกับหมอดูฮวงจุ้ยรายนี้ต่อไป
ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามในคดีดังกล่าว ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ขณะนี้พบว่ามีจำนวน 23 คนแล้ว.