ชุดสืบสวนนครบาลจับมือตำรวจ ตม. สกัดหัวหน้าแก๊งอุ้มรีดทรัพย์นักธุรกิจจีน 12 ล้านบาท ล็อกได้คาสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนเมียผู้ต้องหาเป็นนางนกต่อ หลังถูกจับแจ้งข้อหายังให้การภาคเสธ สรุปฝ่ายหญิงเป็นคนวางแผน เพราะโกรธแค้นอดีตสามี 1 ใน 2 นักธุรกิจ โทร.ให้เหยื่อเบิกเงิน 3.2 ล้านบาทมารอให้ลูกค้าแลก หลังจากนั้นให้ผัวใหม่พาพวกรวม 5 คนบุกปล้น ส่วนผู้ต้องหาอีก 4 คน เป็นคนจีน 1 คนหนีไปเขมรแล้ว ส่วนอีก 3 คน เป็นชาวพม่าอยู่ระหว่างล่าตัวตามตะเข็บชายแดน

กรณีมีคนร้าย 5 คนมีปืนเป็นอาวุธ บุกเข้าไปในสำนักงานบริษัทแอนเก็ท พร็อพเพอร์ตี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ประกอบธุรกิจนายหน้าจัดสรรหาที่พักให้ชาวจีน ที่มาเมืองไทย ซอยรัชดาภิเษก 24 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. ข่มขู่ฆ่านายเซี่ย ฉวนฉิว (เจ เค) อายุ 30 ปี และนายเซี่ย ฉวนฟา (เจ เซ่) อายุ 35 ปี 2 นักธุรกิจชาวจีน ปล้นเงินสด 3,200,000 บาท และยังบังคับโอนเงินดิจิทัล 270,000 USDT (1USDT = 33 บาท) รวมเป็นเงินกว่า 12 ล้านบาท นำตัวไปปล่อยไว้ริมถนนประเสริฐมนูกิจ หลังเข้าแจ้งความ สน.สุทธิสาร ระบุว่า หนึ่งในคนร้ายเป็นชาวจีนชื่อ นายหลิว บู ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 00.05 น. วันที่ 22 ต.ค. หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.ระดมชุดสืบสวนล่าตัวคนร้าย พร้อมประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)เฝ้าระวังตามด่านพรมแดนและสนามบินที่คาดว่าจะหลบหนี ต่อมาช่วงค่ำวันที่ 21 ต.ค. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม.ชุดสืบสวน ด่าน ตม.สนามบินสุวรรณภูมิ พบนายหลิว บู อายุ 43 ปี ชาวจีน กำลังจะเดินทางหนีออกนอกประเทศด้วยสายการบินสกายอังกอร์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน ZA 679 จากสุวรรณภูมิไปกรุงพนมเปญ จึงควบคุมตัวไว้และประสานชุดสืบสวนนครบาลไปรับตัวมาสอบสวน

...

พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ บก.สส.สตม.ประสานกับเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. และตำรวจ กก.สส.บก.น.2 สืบสวนหาตัวคนร้าย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.สั่งการให้ลงข้อมูลผู้ต้องสงสัยในระบบ APPS แจ้งเตือนการเดินทางของผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยของ สตม. กระทั่งพบว่านายหลิว บู กำลังเช็กอินเตรียมเดินทางขึ้นเที่ยวบินดังกล่าว จึงเข้าจับกุมตรวจค้นสัมภาระพบสายรัดข้อมือพลาสติกจำนวนมาก เงินสด 50,658 หยวน และหนังสือเดินทางสัญชาติประชาคมเศรษฐกิจแห่งรัฐแอฟริกาตะวันตก (CEDEAO)

ที่ สน.สุทธิสาร เมื่อเวลา 09.30 น. หลังจับกุมนายหลิว บู อายุ 43 ปี สัญชาติจีน หนึ่งในผู้ก่อเหตุ อุ้มรีดทรัพย์กว่า 12 ล้านบาท ตำรวจยังขยายผลจับกุม น.ส.ดู หยางเจิน อายุ 37 ปี ชาวจีน อดีตภรรยาของหนึ่งในผู้เสียหาย แจ้งข้อหา 1.ข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ 2.ข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น 3.ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ข้อหาร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นอันควร และ 5.ข้อหาร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปบุกรุกเคหสถานมีอาวุธ ส่วน น.ส.ดู หยางเจิน แจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์และร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว

การสืบสวนทราบว่า น.ส.ดู หยางเจิน เป็นภรรยาใหม่ของนายหลิว บู หลังก่อเหตุนำเงินไทยจากส่วนแบ่งไปแลกเป็นเงินหยวนที่บริษัทรับแลกเงินแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ทำหน้าที่เป็นนกต่อชักชวนกลุ่มสามีคนใหม่มาร่วมก่อเหตุ ส่วนนายหลิว บู ตรวจสอบพบว่านำเงินไทยส่วนแบ่งไปแลกเป็นเงินหยวนที่สนามบินด้วย แต่ถูกจับเสียก่อน หลังสอบสวนผู้ต้องหาตลอดทั้งคืน ทั้ง 2 คนยังให้การภาคเสธ ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ แต่อ้างว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ

ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.เผยว่า น.ส.ดู หยางเจิน ภรรยาเก่าผู้เสียหายเคยอยู่กินกัน 6-7 ปี มีลูก 1 คน จากนั้นหย่าร้างกันเมื่อเดือน มิ.ย.เพราะภรรยาใช้เงินฟุ่มเฟือยมีหนี้สิน ทำให้มีปัญหาทะเลาะกัน ก่อนหน้าเกิดเหตุอดีตภรรยาโทร.มาแจ้งสามีเก่าว่าให้เตรียมเงิน 3.2 ล้านบาทเพราะมีคนจะมาแลกเงิน ฝ่ายผู้เสียหายหลงเชื่อเตรียมเงินไว้ ให้หลังเพียง 15 นาทีกลุ่มคนร้ายเข้ามาก่อเหตุ หลังจับกุมผู้ต้องหา 2 คน ขณะนี้ชุดสืบสวนรู้ตัวผู้ต้องหาอีกรายชื่อนายตง เป็นชาวจีน ตรวจสอบล่าสุดข้ามจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จ.จันทบุรี ไปยังประเทศกัมพูชาแล้ว ส่วนอีก 3 คนเป็นชาวเมียนมาที่นายตงชวนมา อยู่ระหว่างล่าตัวตามแนวตะเข็บชายแดน

เวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร คุมตัว น.ส.ดู หยางเจิน อายุ 37 ปีไปฝากขังที่ศาลอาญา ระหว่างคุมตัวผู้ต้องหามีอาการเครียด พยายามวิ่งเอาหัวชนฝาผนัง กรีดร้องเสียงดังลั่น เจ้าหน้าที่ต้องนำเข้าไปในห้องสอบสวนเพื่อสงบสติอารมณ์ เจรจาให้ผู้ต้องหาเข้าใจขั้นตอนตามกฎหมาย ก่อนนำตัวส่งฝากขังศาลอาญา