โฆษก สตม.เผย ผกก.ตม.จว.ชลบุรี สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว ร.ต.ท. และ จ.ส.ต. ให้ไปประจำ ศปก.ตม.จว.ชลบุรี พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย ปมปล่อยผู้ต้องหาเกาหลีไลฟ์สดบนรถควบคุมตัว รวมถึงในคุก ในระหว่างควบคุมตัวเพื่อส่งตัวไปยังห้องกักที่ กทม.
จากกรณีปรากฏภาพชายต่างชาติใช้โทรศัพท์ภายในห้องที่มีสภาพเป็นห้องควบคุมผู้ต้องหา และบนรถที่เป็นห้องขัง โดยถูกเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์และสื่อมวลชนแขนงต่างๆ
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี โฆษก สตม.ได้ตอบข้อซักถามสื่อมวลชนว่า สตม.ได้สั่งการให้ ผกก.ตม.จว.ชลบุรี ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ได้รับรายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้นว่า
ภาพดังกล่าวคือ MR.SEO สัญชาติเกาหลี เป็นผู้ต้องหาของประเทศเกาหลีคดียาเสพติด ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เข้าจับกุมตัวเมื่อ 3 ต.ค.2567 ในความผิดฐาน "เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด" หรือ overstay ในไทยเกิน 373 วัน" โดยได้มีการส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย และต่อมาศาลแขวงพัทยามีคำพิพากษา MR.SEO ในความผิดฐาน "เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด" ปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา โดยจะต้องเข้าสู่กระบวนการเนรเทศออกจากไทย โดย ตม.จว.ชลบุรี ได้รับตัวมาฝากควบคุมไว้ที่ สภ.บางละมุง จว.ชลบุรี เพื่อนำตัวเดินทางไปส่งที่ห้องกักคนต่างด้าวที่ กทม.เพื่อเข้าสู่การเนรเทศออกจากไทย
ซึ่งภาพ MR.SEO ใช้โทรศัพท์นั้น พบว่า เป็นภาพในห้องควบคุม สภ.บางละมุง และบนรถในระหว่างควบคุมตัวเพื่อส่งตัวไปยังห้องกักที่ กทม. เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2567 มี ร.ต.ท.ปราโมทย์ เฟื่องฟุ้ง รอง สว.ตม.จว.ชลบุรี และ จ.ส.ต.อาทิตย์ ทองใบ ผบ.หมู่ ตม.จว.ชลบุรี เป็นผู้ควบคุม
...
กรณีดังกล่าว พล.ต.ต.เชิงรณฯ ยืนยันว่า ผู้ต้องกักต่างด้าว แม้จะถูกศาลพิพากษาและรับโทษแล้ว ก็ต้องถือว่าเป็นบุคคลที่ต้องมีการควบคุม ตาม ป.วิ อาญา และมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยทางยุทธวิธีระหว่างการควบคุมผู้ต้องหาหรือบุคคลต้องสงสัย โดยเฉพาะรายนี้เป็นบุคคลที่ทางเกาหลีต้องการตัวตามหมายจับยาเสพติด ซึ่งอาจมีการหลบหนีระหว่างการควบคุมโดยใช้โทรศัพท์ประสานงานได้ ซึ่งการปรากฏภาพดังกล่าวแสดงว่าเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมไม่ใช้ความรอบคอบในการตรวจค้น
โดยขณะนี้ทาง ผกก.ตม.จว.ชลบุรี ได้สั่งให้ จนท.ตม.ดังกล่าวหยุดปฏิบัติหน้าที่ และประจำ ศปก.ตม.จว.ชลบุรี พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย เพื่อลงโทษทางวินัยโดยเด็ดขาดต่อไปแล้ว