"ลีซอ ธีรเทพ" ปัดเกี่ยวข้องกับดิไอคอนฯ แจงเป็นผู้เสียหาย ลงทุนกับแม่ข่ายไปกว่า 2 แสน ส่วนภาพถ่ายคู่ "บอสพอล" ไม่คิดว่าจะถูกนำมาโปรโมตบริษัท

วันที่ 15 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เพจเฟซบุ๊ก "อีซ้อขยี้ข่าว" ได้ขุดรูปของบอสพอลยืนคู่กับลีซอ และข้อความต้อนรับ "ลีซอ" ธีรเทพ วิโนทัย อดีตกองหน้าดีกรีทีมชาติไทย เข้าสู่ครอบครัวดิไอคอน จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล

ความคืบหน้าล่าสุด ลีซอ ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยชี้แจงกับสื่อมวลชนว่า วันนี้มาชี้แจงในฐานะเป็นผู้เสียหาย ปฏิเสธไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเป็นแม่ทีมของดิไอคอนกรุ๊ปตามที่ภาพออกไป เคยเปิดบิลแต่ไม่เคยขายสินค้าให้ใครมาก่อน แต่ตนเองตกเป็นผู้เสียหายมากกว่า เนื่องจากรู้สึกว่าทางบริษัทไม่ได้บอกข้อมูลตนเองทั้งหมด

ส่วนที่เปิดบิลซื้อสินค้า เพราะเนื่องจากมีน้องที่เป็นแม่ข่ายรู้จักกันมาก่อน และก็มีโอกาสพูดคุยกัน โดยเริ่มแรกได้พูดคุยกันในส่วนของที่ตรวจ ATK เพราะภรรยามีการทำธุรกิจเกี่ยวกับ ATK แม่ข่ายคนดังกล่าวก็ได้มีการชักชวนให้เข้าไปพูดคุยกันต่อในออฟฟิศ ซึ่งตนคิดว่าจะพูดคุยกันในส่วนของธุรกิจภรรยา จึงเดินทางไปด้วย แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่าแม่ข่ายคนดังกล่าว พยายามชักชวนให้ซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จึงมีการพูดคุยกันและชักชวนให้ไปฟังข้อมูลต่างๆ ที่ออฟฟิศ ซึ่งด้านหน้าออฟฟิศก็มีรถซุปเปอร์คาร์จอดอยู่ ดูเหมือนน่าเชื่อถือมาก

จากนั้นก็มีการพาไปห้อง VIP พูดคุยข้อมูลบริษัท ข้อมูลสินค้า เอาสินค้ามาให้ทดลอง เหมือนโดนหว่านล้อม จึงสมัครเพื่อช่วยน้อง และได้ของมาทานด้วย ก็เลยเปิดบิลไป และถูกโน้มน้าวให้ซื้อสินค้าไปทดลอง โดยลงทุนไปจำนวนเกิน 220,000 บาท เนื่องจากตอนนั้นมีโปรโมชั่น เป็นการสต็อกสินค้าคอลลาเจน จำนวนประมาณ 10 ลัง ไม่ได้รับของมา เป็นการสต็อกของเอาไว้ที่บริษัท โดยทางบริษัทให้ความเชื่อมั่นว่าไม่ต้องห่วง เหมือนกับเคสของผู้เสียหายหลายๆ คน

...

และจากที่ได้ตรวจสอบ ทางบริษัทมีการขายสินค้าดังกล่าวผ่านช่องทางออนไลน์ในราคาที่ถูก แต่ขายให้กับดีลเลอร์ในราคาที่ต่างกัน ซึ่งตนเองมองว่าหากจะขายปลีกก็ขายลำบาก และมองว่าไม่ใช่ทางของเรา จึงไม่ได้มีการขายให้ใคร และไม่เคยชวนใครมาสมัครเป็นสมาชิกอีกด้วย

ส่วนภาพถ่ายคู่กับบอสพอลที่ปรากฏออกมาว่า เป็นสมาชิกดิไอคอนกรุ๊ปนั้น เมื่อไปถึงออฟฟิศ ก็เจอบอสพอล ก็ทักทายกันตามปกติ และมีการขอถ่ายรูปด้วย ซึ่งเป็นการเจอกับบอสพอลครั้งแรก และครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ลงมาข้างล่าง ก็มีตัวแทนมาขอถ่ายรูปอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งปกติมักจะมีคนมาขอถ่ายรูปด้วยอยู่แล้ว ตนเองเป็นคนง่ายๆ ไม่ได้ซีเรียสอยู่แล้วจึงให้ถ่ายรูป แต่ไม่ทราบว่าภาพจะถูกนำไปโปรโมทให้กับบริษัท

ส่วนมีการพูดคุยกับแม่ข่ายคนสนิทเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่นั้น ตนเองไม่เคยพูดคุยกันเรื่องนี้ แต่พบเจอก็ทักทายกันปกติ ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่ได้ติดใจอะไร ที่ตัดสินใจลงทุนเพราะเป็นขี้สงสาร และคนชอบช่วยเหลือคนสนิทอยู่แล้ว

ด้าน กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า ได้พาอดีตผู้บริหารเดินทางมาที่ตำรวจสอบสวนกลาง เพราะทางตำรวจต้องการอยากได้ข้อมูลจากบุคคลใกล้ชิดระดับสูง ตนเองเชื่อว่ามีบุคคลระดับสูงของบริษัทหลายคนที่มีข้อมูล มองว่า ถ้าจะเอาผิดพวกบอสระดับสูง ข้อมูลจากบรรดาแม่ข่ายจะเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้มีพยานหลักฐานถึงผู้บริหารระดับสูงได้ ใครที่กำลังด่าแม่ทีมอยู่ ขอให้ช่วยเปลี่ยนเป็นการเกลี้ยกล่อมให้เขามาให้ข้อมูลแทน เพื่อให้มีข้อมูลชั้นดีที่เป็นพยานหลักฐาน และอย่างน้อยช่วยเป็นการผ่อนเบาโทษของแม่ข่ายเหล่านี้ จากหนักให้เป็นเบา.