บุกทลายร้านคาราโอเกะเปิดปาร์ตี้ยานรกให้บริการลูกค้าชาวเวียดนาม ตำรวจรับร้องเรียน ส่งทีมสืบสวนพบพฤติกรรมชัด ยกกำลังลุยค้นเจอทั้งยาอี ยาเค และยาไอซ์เพียบ คุมตัวลูกจ้างชายหญิงสัญชาติเวียดนาม 3 คน พร้อมปืน 1 กระบอก อ้างเจ้าของร้านคนไทยจ้างให้ดูแลร้านแลกค่าเหนื่อยคนละ 15,000 บาทต่อเดือน

จับร้านคาราโอเกะเปิดรับเฉพาะชาวเวียดนามมั่วปาร์ตี้ยานรก เปิดเผยเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 12 ต.ค. พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสตร์ ผกก.สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชนาธิป พานทอง รอง ผกก.ป.สภ.บางบัวทอง และ พ.ต.ต.สุภกร แสงจันทร์ สว.สส.สภ.บางบัวทอง นำกำลังร่วมกับชุดสืบสวน ภ.จ.นนทบุรี และชุดปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) นนทบุรี บุกค้นร้านคาราโอเกะไม่มีเลขที่ ภายในตลาดบัวทอง หมู่ 13 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง หลังรับร้องเรียนเปิดให้บริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด และปล่อยนักท่องเที่ยวมั่วสุมเสพยาเสพติด

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงยังไม่พบนักท่องเที่ยวเข้าไปใช้บริการ มีเพียงพนักงานดูแลร้านสัญชาติเวียดนาม 3 คน เป็นหญิง 1 คน และชาย 2 คน ทั้งหมดพูดภาษาไทยไม่ได้ ตรวจค้นพบปืน 9 มม. 1 กระบอก พร้อมกระสุนขนาดเดียวกัน 3 นัด ยาเสพติดประเภทยาอี 75 เม็ด ยาไอซ์และเคตามีน 134 ถุงอยู่ในบริเวณเคาน์เตอร์ คุมตัวทั้งหมดมาสอบปากคำผ่านล่ามทราบชื่อ น.ส.โฮ ที เบียน อายุ 28 ปี นายฮวาง ดึก อายุ 35 ปี และนายเวียน ฮู ลอง อายุ 31 ปี เบื้องต้นทั้งหมดให้การอ้างว่ารับจ้างดูแลร้านให้กับเจ้าของร้านเป็นคนไทยได้ค่าจ้างคนละ 15,000 บาทต่อเดือน

พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง เปิดเผยว่า พล.ต.ต.ปรารถนา แผ่นผา ผบก.ภ.จ.นนทบุรี สั่งให้ทุกท้องที่กวดขันสถานบริการอย่างจริงจัง เน้นย้ำเรื่องอาวุธปืนและยาเสพติด กระทั่งรับแจ้งว่ามีชาวต่างชาติลักลอบเปิดร้านคาราโอเกะและมั่วสุมเสพยาเสพติด ก่อนนำกำลังบุกเข้าตรวจค้น อย่างไรก็ตามตอนที่เจ้าหน้าที่ไปถึงยังไม่มีผู้เข้ามาใช้บริการ จากการตรวจค้นภายในร้านพบของกลางยาเสพติดจำนวนมาก อาวุธปืนพร้อมกระสุนจำนวนหนึ่ง

...

ผกก.สภ.บางบัวทองกล่าวอีกว่า สำหรับผู้ต้องหา 3 คน เป็นชาวเวียดนาม จากคำให้การอ้างว่าเจ้าของร้านเป็นคนไทย ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลและจะเรียกตัวมาสอบปากคำต่อไป เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาครอบครองยาเสพติดไว้เพื่อจำหน่าย, มีอาวุธปืนและเครื่อง กระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และเป็นต่างด้าวประกอบอาชีพโดยไม่มีใบอนุญาต

“ก่อนจับกุมชุดสืบสวนเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวร้านนี้มาระยะหนึ่งพบว่าร้านเปิดมาได้ประมาณ 10 วัน และรับเฉพาะลูกค้าชาวเวียดนามเท่านั้น นอกจากเปิดบริการเกินเวลาตามกฎหมายกำหนดแล้ว ยังให้นักท่องเที่ยวเข้ามามั่วสุมยาเสพติดทุกรูปแบบ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย แต่สุดท้ายก็ไม่รอดสายตาเจ้าหน้าที่ไปได้” พ.ต.อ.พฤฒกล่าว

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่