"ตำรวจกองปราบ" รวบสาวอดีตตัวแทนบริษัทประกัน หลอกขายประกัน "เจ้าอาวาส" หลังซื้อไว้ให้โยมแม่ พร้อมสารภาพนำเงินค่าเบี้ยไปใช้ส่วนตัว ไม่ได้นำเข้าบริษัทจริง
วันที่ 12 ต.ค. 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกำลังตำรวจกองปราบ กองกำกับการ 6 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. ลงพื้นที่ตามไปจับกุม น.ส.วรรณา เพ็งจำรัส อายุ 34 ปี ชาว ต.ท่าชะมวง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา โดยจับได้ที่หน้าบ้านเช่าไม่มีเลขที่ พื้นที่ ม.8 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา หลังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงทุ่งสงที่ 9/2567 ลงวันที่ 23 ม.ค. 2567 ความผิดฐานฉ้อโกง
สำหรับคดีดังกล่าว เกิดเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2566 น.ส.วรรณา ได้ไปหลอกขายประกันพระซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช โดยไปหาเจ้าอาวาสถึงที่วัด แล้วแสดงตัวว่าเป็นตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทประกันชีวิตบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง โดยได้เสนอให้เจ้าอาวาสทำประกันชีวิตโรคร้ายแรง โดยจ่ายเป็นรายปี จำนวน 5 ปี ส่งปีละ 115,560 บาท จะคุ้มครองไปจนถึงอายุ 90 ปี ทางเจ้าอาวาสจึงได้ตกลงทำประกัน
แต่เป็นการทำประกันให้โยมแม่ของเจ้าอาวาสจำนวน 1 กรมธรรม์ และได้จ่ายเงินสดให้กับ น.ส.วรรณา ในวันนั้นทันทีเป็นเงินจำนวน 115,560 บาท โดยขณะทำสัญญาซื้อขายกรมธรรม์ ทางเจ้าอาวาสได้อัดคลิปเสียงระหว่างการจ่ายเงินสดไว้ด้วย แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นมีการตรวจพบว่าโยมแม่ของเจ้าอาวาสป่วยเป็นโรคมะเร็ง จึงได้แจ้งเอาประกัน แต่ทางบริษัทบอกว่าไม่พบว่ามีการทำกรมธรรม์เอาไว้
...
ต่อมา เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2566 เวลาประมาณ 14.30 น. ได้มีผู้จัดการหัวหน้าสำนักงานบริษัทประกันแห่งนี้ที่ น.ส.วรรณา เป็นตัวแทนอยู่ มาหาเจ้าอาวาสที่วัด และบอกว่า น.ส.วรรณา ได้พ้นสภาพการเป็นตัวแทนบริษัทประกันไปแล้วเมื่อ 17 เม.ย. 2566 และจากการตรวจสอบพบว่า น.ส.วรรณา ได้เก็บเงินจากเจ้าอาวาสไปแล้วแต่ไม่ส่งบริษัท จึงทำให้บริษัทไม่ทราบเรื่อง และไม่สามารถออกกรมธรรม์ให้ได้ ทำให้เจ้าอาวาสต้องเสียเงินไป 115,560 บาท จึงได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.วรรณา
กระทั่งตำรวจกองปราบกองกำกับการ 6 ได้สืบสวนทราบว่า น.ส.วรรณา ได้หลบหนีมาเช่าบ้านอยู่ในพื้นที่ ม.8 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา จึงได้ลงพื้นที่สืบสวนและติดตามตัวมาระยะหนึ่ง จนรู้ว่าพักอยู่ที่ไหนและได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณโดยรอบบ้านเช่าเพื่อเฝ้าจับตาและพบ น.ส.วรรณา อยู่ในบ้านพัก จึงแสดงตัวเข้าจับกุม
จากการสอบสวน น.ส.วรรณา ก็ยอมรับสารภาพทุกอย่าง โดยบอกว่าได้ขายประกันให้กับเจ้าอาวาสจริง ตอนที่ยังเป็นตัวแทนขายประกัน แต่ว่าได้นำเงินค่าเบี้ยประกันของเจ้าอาวาสไปใช้ส่วนตัว ไม่ได้นำเข้าบริษัทจริง และทำใจมาตลอดว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งคงถูกตำรวจติดตามจับกุมแน่นอน และยอมรับกับผลกรรมและคดีที่ก่อไว้
อย่างไรก็ตาม หลังถูกจับตำรวจกองปราบได้คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช พื้นที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินคดีต่อไป.