"ตำรวจสอบสวนกลาง" ตามรวบสาวอดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกครูเกษียณ ดูดเงินบำนาญสูญนับล้านบาท พร้อมสารภาพซมซานกลับไทยทนโดนทุบตีไม่ไหว
วันที่ 11 ตุลาคม 2567 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ท.สุขสิทธิ์ ประเสริฐ สว.กก.5 บก.ป., ร.ต.ท.พิพัฒน์ พูลสวัสดิ์ รอง สว.(อก) กก.5 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.2 กก.5 บก.ป. ร่วมกันจับกุม น.ส.พรรัตน์ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 4103/2567 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2567
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันลักทรัพย์ตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน, ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ, ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จฯ" สถานที่จับกุม บริเวณหน้าหอพักแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว 101 ซอย 38 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
สำหรับพฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 16.00 น. ขณะที่ผู้เสียหายพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักของตนเอง มีคนร้ายได้โทรมาหลอกลวงผู้เสียหาย โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของกองทุนบำเหน็จบำนาญและได้หลอกลวงว่ามีสิทธิรับเงินเบี้ยหวัดและแนะนำให้เพิ่มเพื่อนบัญชีไลน์ ต่อมาคนร้ายซึ่งใช้ไลน์ได้ส่งข้อมูลลิงก์มาให้ผู้เสียหายติดตั้งแอปพลิเคชัน
ภายหลังจากที่กดติดตั้งและพูดคุยกับคนร้ายแล้ว พบว่าโทรศัพท์ของผู้เสียหายได้ค้างและไม่สามารถใช้งานได้ ผู้เสียหายเข้าใจว่าโทรศัพท์ขัดข้องจึงได้วางพักไว้สักพักหนึ่ง ต่อมาเมื่อโทรศัพท์ผู้เสียหายกลับมาใช้งานได้ปกติ ผู้เสียหายรู้สึกผิดสังเกต จึงได้เข้าไปยังแอปพลิเคชันธนาคารของตนเอง พบว่ามีเงินถูกโอนออกจากบัญชีธนาคารไปยังบัญชีของคนร้าย ซึ่งเป็นบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา จำนวน 2 ครั้ง ทำให้ได้รับความเสียหายรวมทั้งสิ้นจำนวนกว่า 1,000,000 บาท
...
จากนั้น ผู้เสียหายจึงเข้าพบพนักงานสอบสวนแจ้งความดำเนินคดีและขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวนและติดตามจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่หอพักแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว 101 ซอย 38 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร จึงได้ไปตรวจสอบและจับกุมตัว จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าเคยขายบัญชีธนาคารให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต่อมาได้แอบข้ามช่องทางธรรมชาติที่ชายแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามที่เพื่อนชักชวนซึ่งมีข้อเสนอเงินเดือน เดือนละ 40,000 บาท มีที่พักติดแอร์อย่างดี อาหารฟรีทุกมื้อ
แต่เมื่อไปถึงกลับไม่ได้เป็นตามข้อตกลง มีคนในแก๊งมาคอยควบคุมผู้ต้องหากับเพื่อนทุกฝีก้าว ห้ามออกไปไหนโดยลำพัง ถูกขังอยู่ในห้องแคบ มีเพียงพัดลมเก่า 1 ตัว ทำงานโทรศัพท์หลอกคนไทยตั้งแต่เช้าจนค่ำ อาหารก็ข้าวบูด หากวันไหนแอบหนีออกไปเที่ยวโดนจับได้ก็จะโดนล่ามโซ่ คนที่คุมจะทุบตีอย่างทารุณ หนักสุดผู้ต้องหาเคยโดนช็อตด้วยไฟฟ้าจนสลบ ฟื้นขึ้นมาอีกวันจึงชวนกันหนีกลับประเทศไทย.