ผู้เสียหายกว่า 500 คน นำหลักฐานเข้าแจ้งความ เอาผิด "แม่ใบหนาด" ไลฟ์ขายทอง ตอนแรกๆ ได้จริง หลังๆ เงียบหาย พบมีกลุ่ม VIP เชิญคนดังร่วมวันเกิด ทำให้คนหลงเชื่อ เสียหายกว่า 85 ล้าน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 ต.ค. 67 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พากลุ่มผู้เสียหายที่ถูกหลอกซื้อทองคำจากบริษัทแห่งหนึ่งกว่า 200 คน เข้าแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รักษาราชการแทน ผบช.สอท. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 เป็นผู้รับคำร้องทุกข์ หลังกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดกว่า 500 ราย ที่ถูกหลอกทยอยเดินทางเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ นายพรมธาดา นาคเจริญ หรือใบหนาด กรรมการบริษัทห้างเพชรทอง ธาดาโกลด์ มีมูลค่าความเสียหายกว่า 85 ล้านบาท

...

น.ส.เมษา หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ได้รู้จักผู้ค้าทองรายนี้ผ่านทางแอปพลิเคชัน TikTok โดยมีการไลฟ์ขายทองมานานกว่า 1 ปี และผู้ขายยังเป็นลูกน้องเก่าและเคยเห็นหน้าในไลฟ์ของแม่ค้าออนไลน์คนดัง นอกจากนี้ ผู้ขายยังมีเอกสารจดทะเบียนนิติบุคคลเป็นชื่อบริษัทห้างเพชรทอง ธาดาโกลด์ และมีชื่อผู้ขายคือ นายพรมธาดา นาคเจริญ หรือ “ใบหนาด” เป็นกรรมการบริษัท ทำให้เกิดความเชื่อถือและสั่งซื้อทองผ่านออนไลน์

ซึ่งผู้ขายทองรายนี้มักจะจัดโปรโมชั่นขายทองในราคาถูก จึงทยอยซื้อทอง เริ่มจาก 1 กรัม ในราคา 1,500 บาท ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปที่ขายในราคาเกือบ 3,000 บาท สะสมไว้ โดยเมื่อถามผู้ขายว่า ทำไมจึงได้ทองมาในราคาถูก ผู้ขายก็อ้างว่า เป็นเพราะรับจากโรงงานมาโดยตรง แต่เมื่อถามชื่อโรงงานก็ไม่ยอมบอก อ้างว่าถ้าบอกเดี๋ยวคนซื้อก็จะตามไปซื้อกับทางโรงงาน

ต่อมาเมื่อซื้อทองปริมาณมากขึ้นกลับไม่ได้รับสินค้า โดยผู้เสียหายแต่ละรายสูญเงินไปตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนบาทและยังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อ โดยเฉพาะกลุ่ม VIP ที่มีการซื้อทองจำนวนมาก หลัก 10 บาทเป็นต้นไป ทำให้ยอดความเสียหายรวมกันหลายสิบล้านบาท โดยยืนยันว่าคดีนี้ไม่เกี่ยวกับคดีแม่ตั๊ก เหตุผลที่มาซื้อกับผู้ขายรายนี้เนื่องจากมีราคาถูกกว่า

นอกจากนี้ ผู้ขายยังมีการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านการจัดงานวันเกิด ซึ่งมีการเชิญบุคคลที่มีชื่อเสียง ดารา นักแสดง ไปร่วมงาน ทำให้ตัดสินใจซื้อทอง โดยซื้อมานานกว่า 1 ปีแล้ว ซึ่งก็เคยได้รับทองจริง เป็นทองคำแท่งน้ำหนัก 10 บาท ขณะนั้นซื้อมาในราคา 100,000 กว่าบาท ขายไปได้ราคา 300,000 กว่าบาท แล้วจึงซื้อทองเพิ่มอีกรวมน้ำหนัก 40 บาท มูลค่า 560,000 บาท แต่รอบนี้ไม่ได้รับของแล้ว

ด้าน พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้เสียหายมีการซื้อทองจากผู้ขายรายนี้ผ่านทางโซเชียลมีเดียในราคาที่ถูก ซึ่งหากซื้อเพิ่มขึ้น ราคาทองก็จะถูกลงเรื่อยๆ เช่น ทองน้ำหนัก 1 บาท ราคาอาจจะถูกถึง 20,000 บาทไปจนถึง 8,000 บาท ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นที่ซื้อ ซึ่งเริ่มแรกจะมีการซื้อขายตามปกติ ผู้เสียหายก็ได้รับของจริงๆ จนทำให้มีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก แต่ต่อมาเมื่อซื้อเพิ่มก็จะไม่ได้รับของตามที่สั่งซื้อ

โดยพฤติกรรมแบบนี้เป็นลักษณะเป็นการหมุนเงิน นำเงินจากผู้เสียหายรายหลังไปจ่ายให้กับกลุ่มแรก หมุนเวียนไปจนเรื่องแดงขึ้น โดยผู้ขายยังอ้างว่าการที่ขายทองราคาถูกได้ เพราะเป็นเจ้าของห้างทอง แต่จากการตรวจสอบพบว่า ที่อ้างเป็นห้างทอง มีเพียงฉากหลังที่นำมาถ่ายรูปหลอกเท่านั้น แต่ทองที่ผู้เสียหายได้เป็นของห้างทองอื่น

ขณะที่ พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รักษาราชการแทน ผบช.สอท. กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจทราบว่าคดีนี้มีผู้เสียหายประมาณ 500 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 85 ล้านบาท โดยเดินทางมาถึง บช.สอท. เพื่อรอร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนแล้วจำนวน 240 ราย ซึ่งขณะนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้รวมคดีผู้เสียหายทั้งหมด โดยมอบหมายให้ บช.สอท. เป็นผู้รับผิดชอบในคดีนี้ ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด

ด้าน พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. กล่าวว่า การกระทำของผู้ขายทองดังกล่าว มีความผิดฐาน "ฉ้อโกงประชาชน และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์" และอาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคด้วย โดยทาง บช.สอท. ได้เตรียมพนักงานสอบสวนจำนวน 35 นาย ไว้รองรับในการสอบปากคำผู้เสียหาย หลังจากสอบปากคำผู้เสียหายให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ โดยให้ทางพนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานเตรียมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทันที

...