ผกก.สภ.นาจอมเทียน เปิดไทม์ไลน์กล้องวงจรปิด คดีปาดคอฆ่าสยองอดีต รปภ.หนุ่มหมกศพในห้องพักอาคารบ้านเอื้ออาทร คาดไม่ใช่เป็นการฆาตกรรม แต่เป็นการทำร้ายตัวเองจนเสียชีวิต หลังสอบปากคำ 3 ปาก ทั้งคนใกล้ชิด ผู้ต้องสงสัย ไม่พบข้อพิรุธ ขณะที่ รปภ.เชื่อมีคนทำให้เสียชีวิต

จากกรณีพบศพ นายอนุชา คงเครือ หรือเพชร อายุ 24 ปี อดีต รปภ.หนุ่ม กลายเป็นศพถูกปาดคอเสียชีวิต อยู่ภายในห้อง 169 ตึก 61 โครงการเคหะหมู่บ้านเอื้ออาทร นาจอมเทียน ม.2 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ท้องที่ สภ.นาจอมเทียน ตามที่มีข่าวเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา วันที่ 22 กันยายน 2567 พ.ต.อ.วัฒนชัย แสงฤทธิ์ ผกก.สภ.นาจอมเทียน ออกเปิดเผยว่า จากการร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทั้งตำรวจชุดสืบสวน และ ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเขต 2 ชลบุรี เพื่อจะเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ, การตรวจสอบเก็บลายนิ้วมือและเก็บดีเอ็นเอจากวัตถุพยานอย่างละเอียด พร้อมทั้งมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้กับห้องที่เกิดเหตุ ในเบื้องต้น พบว่า ห้องพักดังกล่าวมีผู้พักอาศัยเพียง 2 คน คือพ่อกับผู้ตาย โดยพ่อทำอาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง มีทั้งวินประจำ และ ขี่รถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน ส่วนลูกชายเป็น รปภ.ประจำห้างชื่อดังในพื้นที่เมืองพัทยา

...

โดยกล้องวงจรปิดใกล้กับห้องที่เกิดเหตุ จะพบว่า 2 พ่อลูกคู่นี้จะใช้ประตูด้านหลังห้องในการเข้า-ออกห้องพัก ส่วนประตูหน้าห้องจะล็อกไว้ตลอดเวลา โดยก่อนจะพบว่า นายอนุชา คงเครือ หรือเพชร เสียชีวิต ได้กลับเข้ามาที่ห้องพักเมื่อเวลา 13.04 น. ของวันที่ 20 ก.ย. จากนั้นผ่านไป 4 นาที (13.08 น.) นายวิชัย คงเครือ พ่อของผู้ตาย ได้ออกจากห้องไป และไม่ได้กลับมาที่ห้องอีกเลย โดยปล่อยให้ผู้ตายอยู่ห้องเพียงลำพัง ระหว่างที่ผู้ตายอยู่ในห้อง ไม่พบว่ามีบุคคลอื่นเข้า-ออกอีกเลย จนกระทั่งมีผู้มาพบศพนายเพชร กลายเป็นศพอยู่ในห้องพัก

ส่วนการตรวจสอบและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ ในเบื้องต้น ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือรื้อค้นทรัพย์สิน ส่วนอาวุธมีดที่ใช้ในการก่อเหตุ พบว่าตกอยู่ตรงกองเลือดของผู้ตาย ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ได้เก็บนำไปตรวจสอบลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอ รวมถึงยังมีการนำอุปกรณ์เสพกัญชา พร้อมกันนี้ ยังมีการเก็บหลักฐาน และบันทึกภาพลักษณะของรอยเลือด รอยเท้า และรอยลากที่อยู่ภายในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด

ด้านการสอบสวนปากคำ ทางพนักงานสอบสวน มีการเรียกสอบปากคำไปแล้ว 3 ปาก ประกอบด้วย พ่อผู้ตาย เพื่อนคนตาย และพยานข้างห้องที่เกิดเหตุ ซึ่งโดยรวมในเบื้องต้น คดีนี้ทำให้ตำรวจเชื่อว่า ไม่ใช่เป็นการฆาตกรรม แต่เป็นการทำร้ายตัวเองจนเสียชีวิต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่เป็นการสรุปคดี เพียงเป็นการสันนิษฐานในเบื้องต้น เนื่องจากวัตถุพยาน และการสอบปากคำค่อนข้างมีความสอดคล้องกัน แต่อย่างไรก็ต้องรอผลชันสูตรทางนิติวิทยาศาสตร์อีกครั้ง

ส่วนกรณีเรื่องเพื่อนของผู้ตายที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าเพื่อน เมื่อคืนตำรวจเรียกมาสอบปากคำทั้งคืน ก็ไม่พบข้อพิรุธ รวมถึงสอบปากคำตัวพ่อของผู้ตายที่อยู่กับลูกเป็นคนสุดท้าย ก็ไม่พบข้อพิรุธเช่นกัน ตำรวจจะปล่อยตัวไป นอกจากนี้ จากการสอบถามข้อมูลผู้คนในโครงการเคหะนาจอมเทียน พยานหลายคนยืนยันว่า คนตายมีการเสพกัญชา ดื่มกระท่อมเป็นประจำ จนทำให้เกิดอาการเดินพูดคนเดียว และหวาดระแวงตลอดเวลา

นายสมหวัง นวลมูสิก อายุ 39 ปี รปภ.โครงการเคหะนาจอมเทียน เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ผู้ตายเป็นคนเงียบ ไม่สุงสิงกับใคร ก่อนหน้านี้ ผู้ตายได้วิ่งหนีพวกตน เพราะเข้าใจว่าพวกตนเป็นตำรวจ กลัวถูกจับเรื่องดื่มน้ำกระท่อม ส่วนเรื่องมาพบว่า นายเพชร กลายเป็นศพถูกปาดคอจนตาย ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ใช่การฆ่าตัวตายเอง และเชื่อว่ามีคนทำให้เสียชีวิต