สมุทรปราการ ตำรวจ สภ.พระสมุทรเจดีย์ แจ้งข้อหาแล้ว 1 ราย แก๊งสาดน้ำกรดใส่เจ้าอาวาสวัดเอี่ยมประชามิตร (วัดแหลมฟ้าผ่า) ยกมือก้มกราบขอขมา อ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อยู่ระหว่างติดตามตัวอีก 2 ราย

จากกรณีพระวินัยธรบัญชา (ไสว) ปุญญธโร อายุ 77 ปี เจ้าอาวาสวัดเอี่ยมประชามิตร (วัดแหลมฟ้าผ่า) ถูกมือดีสาดน้ำกรดใส่ขณะเดินบิณฑบาตจนได้รับบาดเจ็บ พร้อมเดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้วที่ สภ.พระสมุทรเจดีย์ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 06.30 น. ของวันที่ 22 ส.ค. 67 ที่ผ่านมาในขณะที่เดินบิณฑบาตอยู่ริมถนนภายในซอยวัดแหลมฟ้าผ่ากับเด็กวัด เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก่อนถึงวัดประมาณ 1 กิโลเมตร ได้มีโยมผู้ชายยืนรออยู่บนฟุตบาทเพื่อใส่บาตร จึงเดินเข้าไปรับบาตรโดยมีเด็กวัดยืนอยู่ด้วยในระหว่างที่กำลังยืนให้พรอยู่ แต่สายตาได้เห็นชายวัยกลางคนถือถังพลาสติกสีเหลืองเดินเข้ามาหา ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นญาติโยมที่จะมาปล่อยปลาสะเดาะเคราะห์ แต่จะให้สวดมาติกาบังสุกุลให้ แต่ยังไม่ทันจะให้พรชายคนที่ใส่บาตร จู่ๆ คนที่เดินถือถังทางข้างหลัง ก่อนจะราดใส่ตัวตนจนเปียกชุ่ม ซึ่งในขณะนั้นไม่ทราบว่าเป็นน้ำอะไร ก่อนที่เด็กวัดจะตะโกนร้องว่า ทำอะไรใส่อาจารย์ ชายคนดังกล่าวตกใจจึงทิ้งถังไว้แล้วรีบวิ่งหนีไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดข้างถนน ก่อนวกรถกลับหลบหนีออกไปทางปากซอย แต่ด้วยความที่รีบร้อนชายคนดังกล่าวได้ถอดสลัดรองเท้าทิ้งไว้ ในระหว่างที่หันไปดูชายที่มาทำร้าย ร่างกายเริ่มปวดแสบปวดร้อนจนทนไม่ไหว จึงรีบถอดจีวรออกและให้เด็กวัดนำน้ำสะอาดมาราดรีบล้างออก ก่อนจะรีบกลับมาวัดเพื่อชำระล้างร่างกายและรีบเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล

โดยแพทย์ระบุว่า น่าจะเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนแบบผสมเจือจาง จึงทำให้ได้รับบาดเจ็บไม่มากนั้น แต่ต้องดูอาการไปก่อน หลังจากนั้นได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระสมุทรเจดีย์ เพื่อให้ติดตามตัวคนร้ายมือดีคนนี้มาดำเนินคดี

...

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 กันยายน 2567 ทางด้าน พ.ต.ท.ประยูร ปัตตุลี รอง ผกก.สส. สภ.พระสมุทรเจดีย์ พร้อม พ.ต.ท. สพัศ ปราการพิทักษ์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.พระสมุทรเจดีย์ ได้นิมนต์ พระวินัยธรบัญชา (ไสว) ปุญญธโร อายุ 77 ปี เจ้าอาวาสวัดเอี่ยมประชามิตร (วัดแหลมฟ้าผ่า) พร้อมนายธนเดช สู่ความดี อายุ 57 ปี ตัวแทนกรรมการวัด (ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ต.แหลมฟ้าผ่า) และนายชาลี (กล้วย) สมหวัง อายุ 44 ปี ที่อยู่ 87 หมู่ที่ 9 ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เพื่อมาสอบสวนเพิ่มเติม เป็นหนึ่งใน 3 ผู้ก่อเหตุ ซึ่งได้ให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมก่อเหตุจริง ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจและต่อหน้าท่านเจ้าอาวาสวัดเอี่ยมประชามิตร (ผู้เสียหาย) และญาติของเจ้าอาวาส

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ จากนั้นทางตำรวจจะส่งตัวผู้ต้องหาไปศาลจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จ นายกล้วย ผู้ต้องหา ได้ก้มกราบขอขมากับทางเจ้าอาวาส เป็นการสำนึกผิดที่ก่อเหตุทำลงไป โดยทางเจ้าอาวาสก็ได้เทศนาตักเตือน และได้เมตตาให้อภัยกับผู้ก่อเหตุหรือผู้ต้องหา รวมทั้งได้กล่าวขอโทษสังคมที่ได้ก่อเหตุลงไปอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ส่วนสาเหตุในการเกิดเหตุในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องติดตามตัวอีก 2 คนคือ นายเล็ก (ชาวพม่า) อายุ 45 ปี และนายไนท์ อายุ 35 ปี (คนไทย) ที่ยังหลบหนีอยู่ เพราะทั้งสองคนนี้มีอาชีพรับจ้างทั่วไปและอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ตำรวจจะติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว หากจากการสอบสวนเพิ่มเติมมีผู้เกี่ยวข้องหรือมีผู้ว่าจ้าง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมด

โดยนายชาลี หรือกล้วย ให้การอ้างว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและรู้เห็นกับเหตุการณ์ในครั้งนี้และตนรู้จักกับผู้ก่อเหตุ คือ นายไนท์ อายุ 35 ปี และนายเล็ก อายุ 45 ปี สัญชาติพม่า เมื่อช่วงวันเกิดเหตุ ตนกำลังขี่รถจะไปหาคนรู้จักเพื่อจะไปติดต่อเรื่องซ่อมและปรับปรุงบ้าน ตนเองมาพบ นายไนท์และนายชาลี จอดรถพูดคุยกันอยู่บริเวณปากซอยวัดแหลมฟ้าผ่า ก่อนที่ตนเข้าไปทัก หลังจากนั้นตนได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปบ้านคนรู้จักเพื่อจะเตรียมซ่อมแซมปรับปรุงบ้านให้ เพราะตนมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ตนยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวเลย

ขณะที่ พระวินัยธรบัญชา (ไสว) ปุญญธโร อายุ 77 ปี เจ้าอาวาสวัดเอี่ยมประชามิตร (วัดแหลมฟ้าผ่า) ได้ให้สัมภาษณ์ว่า อยากให้ตามคนที่ก่อเหตุมาให้ได้ หากพิการหรือตาบอดขึ้นมาจะทำอย่างไร อาตมาก็อยากจะรู้ว่าเขาทำเพื่ออะไร ซึ่งตอนนี้ก็ได้ตัวผู้ร่วมขบวนการแล้ว ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย อยากให้ผู้ร่วมก่อเหตุมีความสำนึกว่าไม่น่าจะมาก่อเหตุและทำแบบนี้ ทำแบบนี้จะลงนรก และตัวเขาเองจะทำมาหากินลำบาก ต้องเอาดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมา อันนี้เพียงแค่กราบ จึงจะพ้นจากเวรกรรม ต้องมีธูปเทียนแพ ซึ่งอาตมาเองก็มีความเมตตา แต่ต้องทำ 2-3 ครั้ง ต้องมีการทำพิธีใหญ่ ถึงจะพ้นเวรกรรมได้ ต้องมีดอกไม้เทียนแพ โดยการทำพิธี หากไม่ทำพิธีก็ไม่หลุดพ้นเวรกรรม เนื่องจากทำให้อาตมาเจ็บป่วยสาหัส โชคดีที่ยังไม่ถึงขั้นพิการ หากถึงขั้นตาบอดก็ทำอะไรไม่ได้แล้วหากินก็ไม่ได้ จะบวชหรือเดินบิณฑบาตก็ไม่ได้

...