ญาติคาใจเหตุชายขับรถอีแต๊ก พกยาเสพติดเข้ามาในเมืองกรุง เสียชีวิตหลังถูกจับกุม ด้านตำรวจเรียกสอบกู้ภัยเป็นพยานในที่เกิดเหตุ ให้การยืนยันไม่เห็นการรุมประชาทัณฑ์ คาดผู้เสียชีวิตช็อกตายจากอาการ overdose ด้าน ผกก.สน.หัวหมาก ยังต้องรอผลการชันสูตรศพของนิติเวช

กรณี ส.ต.ต.พรหมมินทร์ ฤทธิ์ชัยสงค์ ผบ.หมู่(ป)สน.ปทุมวัน ประสบเหตุชายอายุ 40-50 ปี ทราบชื่อต่อมาว่า นายบัญชา สมิงแก้ว อายุ 45 ปี อาชีพเกษตรกร ขับรถอีแต๊กอยู่บนถนนส่ายไปมาเป็นที่น่าหวาดเสียว บริเวณหน้าโรงแรมสยาม ถนนเพชรบุรี เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ มีชาวบ้านกว่า 10 คนทั้งขับรถยนต์ ขี่จยย.ช่วยกันไล่จับ โดยชาวบ้านบอกว่าคนร้ายเมายา และขโมยรถคันดังกล่าวมาจากไซต์งานริมทางรถไฟมักกะสัน กระทั่งวิ่งไปถึงเชิงสะพานข้ามคลองแสนแสบ ส.ต.ต.พรหมมินทร์ ใช้ปืนยิงเข้าที่ยางหลังด้านซ้าย 2 นัด ยางแตกรถเสียการทรงตัว แต่คนขับรถอีแต๊กยังฝืนขับรถมาถึงสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ ถนนรามคำแหง แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ ก่อนรถอีแต๊กเสียหลักวิ่งขึ้นเกาะกลาง ขณะที่คนร้ายกำลังจะขี่หนีต่อ ส.ต.ต.พรหมมินทร์ ตัดสินใจยิงที่เครื่องยนต์จนรถดับขับต่อไม่ได้ คนร้ายได้วิ่งหลบหนีย้อนศรไปถึงหน้าการไฟฟ้าบางกะปิ ก่อนชาวบ้านที่วิ่งตามไปจับตัวเกิดความชุลมุนก่อนคนร้ายแน่นิ่งไป ส.ต.ต.พรหมมินทร์ ตามมาใส่กุญแจมือ และให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่ง รพ.แพทย์ปัญญา และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถอีแต๊ก บริเวณเบาะคนขับพบกระเป๋าถือ 1 ใบ ภายในมียาบ้า 9 เม็ด และยาไอซ์ 1 ห่อ เหตุเกิดเมื่อเวลา 00.40 น. วันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าคดีนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ สน.หัวหมาก พนักงานสอบสวน สน.หัวหมากได้เชิญ นายสุรกิติ เปล่งสงวน อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัย ที่ประสบเหตุ มาให้ปากคำในฐานะพยานที่อยู่ในวันเกิดเหตุ โดยนายสุรกิติ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนั้นได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่า มีชายขับรถอีแต๊กเข้ามาในเมืองลักษณะน่าหวาดเสียว กระทั่งไปพบรถอีแต๊กคันดังกล่าวอยู่ที่บริเวณหน้าสถานีแอร์พอร์ตลิงค์ รามคำแหง จากนั้นชายคนดังกล่าวได้วิ่งหลบหนี และมีพลเมืองดีช่วยกันวิ่งไล่จับกุมไว้ได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าใส่กุญแจมือที่ด้านหลัง ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก มาตรวจสอบประมาณ 10 นาที ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวมีอาการปัสสาวะราด มีอาการตาค้าง ตาลอย จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปลดกุญแจมือ ชีพจรหัวใจแผ่วเบา จึงใช้การปั๊มหัวใจ และใช้เครื่องกระตุกไฟฟ้า แต่เมื่อดูท่าไม่ดีขึ้นจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ศูนย์เอราวัณ เข้ามาให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่ง รพ.แพทย์ปัญญา และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งนี้ในช่วงที่ตนเข้าไปให้การช่วยเหลือ ไม่พบว่ามีเหตุรุมประชาทัณฑ์ผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด การใส่กุญแจมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เป็นไปตามยุทธวิธีในการควบคุมตัว แต่จากประสบการณ์ที่ทำงานด้านกู้ชีพมาอาการปัสสาวะราดตาลอยคล้ายกับลักษณะของคนมีอาการ overdose ทำให้มีอาการดังกล่าว จึงเสียชีวิตด้วยอาการช็อก และตามตัวก็ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด

...

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ น.ส.อารีรัตน์ สมิงแก้ว อายุ 43 ปี น้องสาวของนายบัญชาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ญาติติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของพี่ชาย เพราะในคลิปการจับกุม เห็นว่ามีการใส่กุญแจมือและเห็นมีคนเอาเท้าเหยียบพี่ชาย จึงกังวลว่าอาจจะขาดอากาศตอนนั้นหรือไม่ และอีกเรื่องที่ติดใจ คือพี่ชายไม่ได้ขโมยรถอีแต๊ก มาจากใคร แต่รถอีแต๊กเป็นของที่บ้าน พี่ชายขับเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ไม่เข้าใจเพราะเหตุใดจึงเข้าใจผิดเป็นการขโมยไป

น.ส.อารีรัตน์ กล่าวว่า ตามปกติพี่ชายจะคอยดูแลพ่อกับแม่ที่เป็นอัลไซเมอร์ที่บ้านจังหวัดฉะเชิงเทรา และทำการเกษตรที่บ้าน แต่พี่ชายสติไม่ดี แต่ไม่ถึงขั้นป่วยจิตเวช เคยรักษาอาการติดยาเสพติด และในวันเกิดเหตุพี่ชายเดินทางไปหาญาติที่ซอยกรุงเทพกรีฑา จากนั้นก็มีคนมาแจ้งว่า พี่ชายเสียชีวิต ตนไปรับศพพี่ชายที่นิติเวช รพ.ตำรวจ มาแล้ว นำไปประกอบพิธีทางศาสนาอิสลามที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนผลชันสูตรศพ ต้องรอผลการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ตนอยากให้ตำรวจ และแพทย์ ตรวจสอบสาเหตุการตายของพี่ให้แน่ชัดว่า เกิดจากการขาดใจขณะจับกุมหรือไม่ แต่ถ้าเกิดจากการเสพยาเสพติดเกินขนาด ทางญาติพร้อมจะยอมรับผล

ขณะที่ พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าของรถอีแต๊ก ไม่ได้มีการไปขโมยและได้ขับมาจาก อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อมาหาญาติในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยในเบื้องต้นพบยาเสพติดที่รถอีแต๊กของผู้เสียชีวิต ส่วนประเด็นเรื่องที่ว่า ผู้เสียชีวิตถูกรุมประชาทัณฑ์ ตนไม่ได้รับรายงาน มีรายงานเพียงว่า มีชาวบ้านไปไล่ช่วยจับ ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิด และประสานกลุ่มชาวบ้านเข้ามาสอบปากคำ ส่วนตัวผู้เสียชีวิตตอนนี้ญาตินำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว โดยพนักงานสอบสวนต้องรอผลการชันสูตรของ สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ว่า สาเหตุการเสียชีวิตมาจากสาเหตุใด