หนุ่มร่ำไห้ แฟนสาวโดดเรือข้ามฟาก จมน้ำเจ้าพระยาดับ เชื่อเสียใจหลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ลงทุน โดยนำทองที่มีไปจำนำ
มีรายงานว่า เวลา 17.00 น. วันที่ 6 ก.ย. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี รับแจ้งมีหญิงกระโดดจากเรือข้ามฟาก จมแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิต บริเวณท่าน้ำนนทบุรี ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี รีบไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวรจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุท่าเรือพบร่างของ น.ส.สุดารัตน์ บัวแสน อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดนครพนม นอนเสียชีวิตอยู่บนโป๊ะเรือ ก่อนหน้าที่ผู้เสียชีวิตกระโดดจากเรือข้ามฟาก ได้วางทรัพย์สินไว้บนเรือก่อนที่จะตัดสินใจกระโดดจากเรือขณะที่เรือวิ่งมาถึงกลางแม่น้ำเจ้าพระยา โดยในระหว่างนั้นมีผู้โดยสารบนเรือที่เห็นเหตุการณ์พยายามโยนห่วงยางเพื่อช่วยเหลือหลายครั้ง ก่อนจะหมดแรงจมน้ำหายไป
นายมนู เปรมแสง อายุ 68 ปี คนขับเรือหางยาว กล่าวว่า กำลังขับเรือเข้าท่าเรือได้ยินเสียงตะโกนจากเรือข้ามฟากว่าให้ช่วยคนตกน้ำ ตนจึงวนเรือเข้าไปช่วย ตอนแรกยังไม่เห็นคนแต่พอเข้าไปใกล้เห็นเป็นผู้หญิงลอยคว่ำหน้าอยู่ ขณะนั้นตนอยู่คนเดียวช่วยไม่ไหวจึงได้ช่วยพลิกตัวให้จมูกอยู่เหนือน้ำ และมีเรืออีกลำผ่านมาพอดีได้เข้ามาช่วยกันนำตัวหญิงดังกล่าวขึ้นมาบนเรือ และนำมาขึ้นที่โป๊ะเรือเพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ
...
นักเรียนที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนและเพื่อนนักเล่นกันอยู่ริมเขื่อนเห็นเรือข้ามฟากลอยลำห่างจากฝั่งออกนอกเส้นทางที่เรือจะเข้าส่งผู้โดยสาร ตนได้พูดเล่นกับเพื่อนว่าเรือน้ำมันหมดหรือเปล่า แต่สักพักเห็นลุงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้กัน หันมาตะโกนบอกว่ามีคนตกน้ำ หลังจากนั้นตนมองไปที่เรือก็เห็นมีคนบนเรือโยนชูชีพไปให้ แต่เหมือนเขาไม่รับอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งเรือสามารถช่วยเหลือขึ้นมาได้
ต่อมา แฟนหนุ่มของผู้เสียชีวิตทราบข่าว เดินทางมายังที่เกิดเหตุพร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ และเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาผู้ตายไม่เคยบอกอะไรกับตนเลย ตนเพิ่งมารู้จากปากพี่ชายที่เป็นเพื่อนของแฟนว่า เขาไปสมัครทำงานในเฟซบุ๊ก แล้วเพิ่งมาโชว์ให้ตนดูเมื่อกลางวันว่า จะไปถอนเงินออกจากแอปที่กดทำงานมาได้ครั้งละ 10 บาท รวมสองวันที่เขาทำงานมาได้เงินประมาณ 200 กว่าบาท
โดยเขาบอกกับตนแค่ว่า จะออกไปซื้อของมากิน ไม่ได้บอกว่ามีปัญหาอะไร จนกระทั่งเพื่อนตนไปเห็นเขานั่งอยู่ที่หน้าธนาคารย่านบางพลัด ตอนบ่าย ตนจึงให้เพื่อนรับเขากลับไปส่งบ้าน แต่เขาก็ไม่ยอมกลับ แล้วเขาก็ขี่รถ จยย.ของตนหายไป จนกระทั่งตนมาทราบข่าวอีกที เมื่อโทรศัพท์หาไปเขา แล้วมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิรับสายก่อนจะแจ้งข่าวร้ายให้กับตนทราบ ตนจึงรีบเดินทางมา ในเบื้องต้นตนเชื่อว่าแฟนสาวของตนถูกมิจฉาชีพออนไลน์หลอกให้ลงทุน จนนำทองไปจำนำ และเมื่อรู้ความจริงว่าถูกหลอกจึงตัดสินใจคิดสั้นดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ต้องสอบถามญาติเพิ่มเติมอีกครั้ง ส่วนทรัพย์สินในกระเป๋าของผู้ตายที่วางไว้บนเรือ พบว่ามีตั๋วจำนำทอง 3 ใบ รวมเป็นเงิน 192,000 บาท และใบนำฝากเงินของธนาคารแห่งหนึ่ง ที่ผู้ตายเพิ่งนำเงินสดไปฝากเข้าธนาคาร ในช่วง 13.30 น. อีก 1 ใบ จำนวนเงิน 142,000 บาท
นางอธิชา บุญลือ อายุ 57 ปี น้าผู้ตายกล่าวว่า หลานบอกตนว่าจะกลับไปตอนปีใหม่ เพื่อจะไปไถ่ที่นาคืน และไปสร้างกระต๊อบน้อยอยู่ที่ทุ่งนา แล้วจะขนของไปไว้ที่นา หลังจากไถ่ที่ดินเสร็จแล้ว จะไปทำโฉนดเพราะที่ตรงนั้นแบ่งกันหมดแล้ว 5 พี่น้อง แต่แม่เขาเอาที่ดินไปจำนำที่ธนาคาร 700,000 บาท จริง ๆ ล้านกว่าบาท แต่ไปเอาเข้ากองทุนฟื้นฟู เขาเลยลดให้เหลือ 7 แสนบาท
ยังไม่เห็นของที่ตำรวจเก็บมาให้ เป็นใบจำนำทองที่เขาเอาไปจำนำไว้ มีอยู่แสนกว่าบาท แล้วเงิน 7 แสนกว่าบาท อยู่ตรงไหน เขาบอกเงินเขาเอง เป็นเงินของเขาเองหามาเอง โดยเขารับนวดแผนโบราณที่บ้าน แฟนหลานเปิดร้านที่บ้านชั้นล่าง ก่อนที่เขาจะมาเจอกัน เขาก็ไปต่างประเทศหลายปีจนมีเงินเก็บ จะเอาเงินไปไถ่ที่นา เขาบอกว่าเขาจะรับผิดชอบที่แม่เป็นคนเอาไปจำนำ หลานบอกว่าจะไปไถจริง ๆ เขามีเงินแล้ว แต่ตอนนี้เงิน 7 แสนกว่าหายไป มีแต่เงินแสนกว่าบาทที่เขาเอาทองไปจำนำ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเงินจากการเอาทองไปจำนำหรือเปล่า แต่ในกระเป๋ามีเงินอยู่ 140,000 บาท
...
แฟนของหลานบอกว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดูดเงินน้องเอาเงินน้องไปหมดเลย เหลือเงินในบัญชีไม่กี่หมื่น น้องก็เลยเสียใจ บอกว่าขอยืมรถหน่อยจะไปซื้อของกินแล้วก็หายไปเลย มารู้อีกทีโดดน้ำไปแล้ว แฟนของหลานสาวโทรหาตนบอกว่า ออยโดดน้ำ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดูดเงินไป ตนก็รีบมาทันที เมื่อวานก็ยังคุยกันอยู่ ไม่มีท่าทีหรืออาการอะไรเลย หลานดีใจที่จะได้ไถ่นาให้แม่ แล้วหลานบอกว่าจะไปสร้างบ้านอยู่ตรงนั้นให้แม่ แม่เขาก็มีบ้านอยู่แต่เขาอยากจะไปอยู่ในท้องไร่ท้องนา ส่วนตนเองก็เพิ่งเสียลูกชายไปซึ่งทั้งสองคนก็สนิทกัน.