รองผู้การปทุมฯ ระดมทีมสืบสวนเร่งคลี่คดี บุกปล้นบ้านนักธุรกิจชาวจีน ก่อนบังคับให้โอนเงิน 70 ล้านบาท โดย 4 คนร้าย อ้างเป็นตำรวจจากจีน ก่อนลงมือปล้นทรัพย์ โดยตำรวจเชื่อว่าคนร้ายยังอยู่ในประเทศไทย และผู้ถูกปล้นไม่มีประวัติกระทำผิด หรือหนีหมายจับจากจีนมาไทย

    

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 15 ส.ค. 67 พ.ต.อ.พีรพล โชติกเสถียร รอง ผบก.จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.ณรงค์ เอี่ยมระหงส์ ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.ปากคลองรังสิต เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เพื่อเร่งรัดคดีกรณีที่มีคนร้ายบุกปล้นบ้านชาวจีน เหตุเกิดเมื่อ 04.43 น.วันที่ 14 ส.ค. 67 ภายในหมู่บ้านหรูสนามกอล์ฟ ม.5 ต.บ้านใหม่ อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี

  

ซึ่งในวันนี้ พ.ต.ท.กวี ช่วยสร้าง สว.สอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต ได้เชิญตัว Mr.chen mingfa อายุ 26 ปี ถูกปืนตบที่หน้าผากมาสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งขณะอยู่ในระหว่างการประชุม

...


จากนั้นเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.พีรพล โชติกเสถียร รอง ผบก.จ.ปทุมธานี เรียกทีมงานประชุม เพื่อคลี่คลายคดีจากกรณี 4 คนร้ายชาวจีน พร้อมอาวุธครบมือ บุกเข้าไปปล้นทรัพย์สองสามีภรรยาชาวจีนถึงในบ้านพัก ก่อนบังคับให้ญาติๆ ของผู้เสียหายที่อยู่ประเทศจีนโอนเงินสกุลดิจิทัล คิดเป็นไทย 70 ล้านบาท เข้าบัญชีกลุ่มคนร้าย ว่า คนร้ายมีด้วยกันทั้งหมด 6 คน ก่อนเกิดเหตุได้มีการใช้รถยนต์สีขาวขับไปส่งบริเวณใกล้หมู่บ้านของผู้เสียหาย จากนั้นคนร้าย 5 คน จาก 6 คน ได้ใช้วิธีการเดินเท้าแอบเข้าไปในหมู่บ้าน ซึ่งห่างจากบ้านผู้เสียหายประมาณ 200 เมตร จากนั้นจึงปีนเข้าไปในบ้านของผู้เสียหาย 


ซึ่งขนาดเกิดเหตุในบ้านผู้เสียหายมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 6 คน ประกอบด้วย ผู้เสียหาย, ภรรยาผู้เสียหาย, พี่สาวผู้เสียหาย, เลขานุการผู้เสียหาย และแม่บ้านอีก 2 คน พอไปเจอเลขานุการของผู้เสียหายก็ใช้ปืนทุบศีรษะ (ใช้ปืนก่อเหตุ 1 กระบอก) และบังคับให้พาเข้าไปในบ้าน เมื่อพบผู้เสียหายจึงใช้เคเบิลไทด์มัดข้อมือผู้เสียหาย, ภรรยาผู้เสียหาย และเลขานุการของผู้เสียหาย ส่วนพี่สาวของผู้เสียหาย และแม่บ้านอีก 2 คน นอนหลับอยู่ในห้อง ไม่ได้ถูกควบคุมตัวข่มขู่ หรือพันธนาการแต่อย่างใด โดยคนร้ายใช้ภาษาจีนพูดคุยสื่อสารกับผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นตำรวจจีนขู่บังคับให้โอนเงินสกุลท่านเข้าบัญชีคนร้าย คิดเงินเป็นเงินไทย 70 ล้านบาท พร้อมกับนำทรัพย์สินเป็นเงินสด 2 ล้านบาท, นาฬิกายี่ห้อปาเต๊ะ 1 เรือน, เครื่องประดับทองคำขาว และรถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด รวมมูลค่าประมาณ 80 ล้านบาท 


ซึ่งภายหลังตำรวจติดตามนำรถโตโยต้า อัลพาร์ด กลับมาได้ เพราะหลังเกิดเหตุคนร้ายนำรถไปจอดทิ้ง จากนั้นจึงให้คนขับรถสีขาวมารับหลบหนีไปอีกทอดหนึ่ง การสืบสวนมีความคืบหน้าไปได้ระดับหนึ่ง เชื่อว่าคนร้ายยังอยู่ในประเทศไทย จากการสอบสวนทราบว่าผู้เสียหายเป็นที่ปรึกษา บริษัทจิวเวลรี่ บริษัทตั้งอยู่ในย่านรามคำแหง จดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2563 โดยมาซื้อบ้านหลังเกิดเหตุพักอาศัยอย่างไรก็ตาม ทางตำรวจได้เชิญผู้เสียหายมาให้ปากคำเพิ่มเติมในวันนี้ เบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติว่ามีคนในเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ เนื่องจากผู้เสียหายยืนยันว่าไม่เคยรู้จัก และเห็นหน้าคนร้ายมาก่อน 


ตรวจสอบผู้เสียหายยังไม่พบประวัติการกระทำความผิด หรือมีหมายจับในประเทศจีน ซึ่งจะเชิญหุ้นส่วนที่ทำธุรกิจร่วมกับผู้เสียหายมาสอบปากคำในวันนี้ เพื่อหาสาเหตุเชื่อมโยงต่อไป รวมทั้งหาที่มาของเงินสดสองล้านบาทที่คนร้ายปล้นไปจากผู้เสียหายด้วยซึ่งอยู่ระหว่างกำลังเปรียบเทียบแผนประทุษกรรมคดีเก่า เพื่อตรวจสอบหาเบาะแสของคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เชื่อว่าคนร้ายมีข้อมูลของผู้เสียหายพอสมควร จึงสามารถก่อเหตุได้ Mr.ke jibao สัญชาติจีน เชื้อชาติจีนอายุ 34 ปี จากนั้นก็ปฏิบัติการให้โอนเงินและเอาเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดไปด้วย ส่วน Mr.chen mingfa อายุ 26 ปี ถูกปืนตบที่หน้าผาก และบุคคลในบ้านมาสอบเพิ่มเติมในประเด็นที่ยังไม่กระจ่างโดยผู้เสียหายเดินทางมาพร้อมล่ามโดยอยู่ระหว่างการสอบปากคำ หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป