ชาวบ้านกว่า 10 คน ฮือปิดล้อมโวยวายใส่ "ตำรวจทางหลวงสระแก้ว" ขณะจับกุมรถ 6 ล้อบรรทุกมันสำปะหลัง แบกน้ำหนักถึง 31 ตันเศษ ซึ่งเกินกฎหมายกำหนดที่ให้รถ 6 ล้อบรรทุกได้ไม่เกิน 15 ตัน โดยมีการบีบให้ปล่อย อ้างเป็นวิถีชาวบ้าน แต่ ตร.ไม่ยอม ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567 ร.ต.อ.ประพันธ์ เอี่ยมประโคน รอง สว.ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล. (รองสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 5 กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจทางหลวง) หรือตำรวจทางหลวงสระแก้ว ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสระแก้ว ออกตรวจตราและตรวจจับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน บนถนนหลวงหมายเลข 348 สายตาพระยา-จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว หลังมีชาวบ้านร้องเรียนเรื่องรถบรรทุกน้ำหนักเกินมาวิ่งบนถนนสายดังกล่าว ทำให้ถนนพังเสียหายมานานนับ 10 ปี 

ต่อมาขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสระแก้ว ขับรถยนต์สายตรวจตำรวจทางหลวงออกตรวจบนถนนสาย 348 ตามที่ได้รับการร้องเรียน ได้ตรวจพบรถยนต์บรรทุกต้องสงสัย เป็นรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 81-4550 สระแก้ว กระบะท้ายรถคลุมทับด้วยผ้าใบสีเขียวมิดชิด ลักษณะคล้ายรถบรรทุกของหนักวิ่งมาบนถนนสาย 348 จากจุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา มุ่งหน้าเข้า อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว โดยวิ่งสวนทางกับรถเจ้าหน้าที่ แต่ลักษณะการขับขี่คล้ายรถบรรทุกน้ำหนักเกิน เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวหยุดเพื่อขอตรวจสอบ 

แต่ขณะเจ้าหน้าที่กลับรถเพื่อมาตรวจสอบ รถคันดังกล่าวได้จอดทิ้งไว้ข้างทาง แล้วคนขับได้วิ่งหลบหนีหายเข้าไปในไร่มันสำปะหลังข้างทาง เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงจึงเข้าตรวจสอบ ไม่พบผู้ขับขี่ แต่รถยังติดเครื่องอยู่ คาดว่าคนขับรถรีบหลบหนี เพราะพบโทรศัพท์มือถือของผู้ขับขี่ยังอยู่ที่บริเวณคอนโซลหน้ารถ จึงยึดมาไว้ตรวจสอบ

...

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เปิดผ้าใบท้ายรถตรวจสอบ พบว่ารถคันดังกล่าวได้บรรทุกหัวมันสำปะหลังสดมาเต็มคันรถ คาดว่าบรรทุกหัวมันสำปะหลังสดมาจากประเทศกัมพูชา โดยบรรทุกน้ำหนักมาเกินกฎหมายกำหนด เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้รถบรรทุก 6 ล้อ สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ไม่เกิน 15 ตัน แต่คาดว่ารถบรรทุกคันดังกล่าวน่าจะบรรทุกมาไม่ต่ำกว่า 30 ตัน

และขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังนำรถของกลางไปตรวจสอบชั่งน้ำหนัก ปรากฏว่ามีชาวบ้านประมาณ 10 คน มาปิดล้อมเจ้าหน้าที่และรถบรรทุกไว้ ไม่ให้เจ้าหน้าที่นำไปชั่งน้ำหนัก โดยมีการต่อว่าเจ้าหน้าที่ว่ากลั่นแกล้งชาวบ้าน โดยอ้างว่าการขนมันสำปะหลังจากกัมพูชาเป็นวิถีชาวบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามอธิบายว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้จับกุมมันสำปะหลัง แต่จับกุมรถที่บรรทุกน้ำหนักเกิน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายกำหนด อีกทั้งมีชาวบ้านร้องเรียนเรื่องรถบรรทุกน้ำหนักเกิน เป็นเหตุทำให้ถนนพังเสียหาย เจ้าหน้าที่จึงต้องมาเข้มงวดกวดขัน แต่ชาวบ้านก็พยายามจะให้เจ้าหน้าที่ปล่อยรถคันดังกล่าว และพยายามขับไล่เจ้าหน้าที่ให้กลับไป แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอม เนื่องจากทำผิดกฎหมาย 

โดยใช้เวลาเจรจานานกว่า 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจนำรถบรรทุกคันดังกล่าวไปชั่งน้ำหนักที่ลานมันฉัตรทองการเกษตร เลขที่ 189 ม.1 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ท่ามกลางความไม่พอใจของชาวบ้าน และจากการชั่งน้ำหนัก พบว่ารถบรรทุกคันดังกล่าวมีน้ำหนักถึง 31,530 กก. หรือ 31 ตันเศษ ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดมาก 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำรถบรรทุกฯ และโทรศัพท์มือถือของกลาง ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เพื่อออกหมายเรียกผู้ขับขี่รถบรรทุกคันดังกล่าวที่หลบหนี มากล่าวโทษในความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือหนังสือแจ้งของผู้อำนวยการทางหลวง หรือเจ้าพนักงานซึ่งผู้อำนวยการทางหลวงแต่งตั้งให้ควบคุมทางหลวง หรือเจ้าพนักงานทางหลวงตามมาตรา 23 (2) ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.ทางหลวง ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2549 มาตรา 70 ต่อไป และให้ตรวจสอบการนำเข้าหัวมันสำปะหลังสด ว่าถูกต้องหรือไม่ด้วย

ด้าน พล.ต.ต.ออมสิน บุญญานุสนธิ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว เผยว่า กรณีชาวบ้านมาปิดล้อมตำรวจทางหลวงที่จับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินนั้นไม่สมควร เนื่องจากเป็นความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ร้องเรียนเรื่องรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ทำให้ถนนพัง ดังนั้น ตร.ภ.จว.สระแก้ว จึงได้บูรณาการร่วมกับขนส่งสระแก้ว, ฝ่ายปกครอง และตำรวจทางหลวง ดำเนินการเข้มงวดกวดขันการกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการบรรทุกน้ำหนักเกิน ดังนั้นจึงฝากไปยังผู้ประกอบการให้ดำเนินการภายใต้กฎหมาย หากฝ่าฝืนกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องจับกุม