"นครพนม" หนุ่มลาวคลุ้มคลั่ง ทำร้ายชาวบ้าน แจ้งตำรวจระงับเหตุ ฮึดสู้ใช้ดาบไล่ฟัน-ชักปืนหวังยิง ถูก ตร.วิสามัญดับ พบประวัติภัยสังคม-ติดยาบ้างอมแงม
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 67 พ.ต.ต.จำรัส ศรีหาตา สว.สอบสวน สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งจากตำรวจสายตรวจ 191 มีเหตุวิสามัญคนร้ายเสียชีวิต บริเวณซอยข้างวัดสารภาณนิมิต ชุมชนบ้านน้อยหนองเค็ม เขตเทศบาลเมืองนครพนม จึงรายงานไปยัง พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผกก.สภ.เมืองนครพนม ประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลนครพนม อัยการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมชันสูตรพลิกศพ
ที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาย สภาพนอนหงาย สวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ถูกอาวุธปืน ขนาด 9 มม. ยิงเข้าตามร่างกาย ประมาณ 6-7 นัด ทราบชื่อคือ นายสิงห์ คำดี อายุ 45 ปี แรงงานต่างด้าวชาวลาว ไม่มีใบอนุญาตทำงาน อาชีพเก็บของเก่าขาย ส่วนบ้านพักไม่มีเลขที่ เป็นที่พักอาศัยที่ทางวัดจัดขึ้นให้คนเร่ร่อนต่างถิ่นพักอาศัย จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ตกอยู่ รวมถึงปลอกกระสุนปืนตำรวจ ประมาณ 7 นัด เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นางดาว อายุ 70 ปี ชาวลาว เข้ามาพักอาศัยทำงานรับจ้างในตัวเมืองนครพนม แม่ผู้ตาย ยอมรับว่า ตนกับลูกชายเข้ามาทำงานรับจ้างเลี้ยงชีวิต เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยลูกชายลักลอบเข้ามาอยู่ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม อาศัยบ้านพักของทางวัดสร้างให้คนไร้ที่อยู่อาศัย แต่อาศัยพักอยู่คนละหลัง ยอมรับลูกชายมีพฤติกรรมชอบคลุ้มคลั่ง อาละวาด เนื่องจากเสพยาเสพติด จนป่วยจิตเวชและไม่กินยารักษา ทำอาชีพเก็บของเก่าขาย เคยแจ้งตำรวจมาจับกุมดำเนินคดีหลายครั้ง สุดท้ายถูกปล่อยตัวออกมา ถูกผลักดันกลับไป สปป.ลาว ลักลอบเข้ามาอีก และสร้างปัญหาบ่อย พยายามทำร้ายคนในชุมชน ส่วนการเสียชีวิตครั้งนี้ ยอมรับเสียใจแต่ต้องทำใจ เพราะลูกชายตนเป็นคนก่อปัญหา และพยายามทำร้ายตำรวจ
...
ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผกก.สภ.เมืองนครพนม เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตเป็นชายคลุ้มคลั่ง เชื่อว่าเป็นทาสยาเสพติด พบประวัติมีอาการทางประสาท และมีพฤติกรรมคลุ้มคลั่ง พยายามทำร้ายร่างกายชาวบ้านบ่อยครั้ง เคยมีตำรวจสายตรวจมาระงับเหตุจับกุมไปดำเนินคดี และผลักดันกลับประเทศ เนื่องจากเป็นแรงงานชาว สปป.ลาว ที่ลักลอบเข้ามาทำงาน จนกระทั่งมีการลักลอบเข้ามาทำงานเก็บของเก่าเลี้ยงชีพ ล่าสุดได้มีอาการคลุ้มคลั่ง พยายามทำร้ายชาวบ้าน จึงประสานตำรวจสายตรวจมาตรวจสอบระงับเหตุ แต่ผู้ตายพยายามใช้อาวุธมีดยาว และปืนไทยประดิษฐ์ จะทำร้ายตำรวจ สายตรวจจึงตัดสินใจวิสามัญระงับเหตุ เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับชาวบ้าน และมีชาวบ้านบาดเจ็บเสียชีวิตเพราะเป็นชุมชน อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจจะเร่งตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมเพิ่มมาตรการเข้มตรวจสอบคัดกรองบุคคลที่เป็นภัยสังคม เพื่อป้องกันก่อเหตุซ้ำอีก