สายไหมต้องรอดพาพ่อลูก 2 แจ้งตำรวจไซเบอร์เอาผิด “น้ำผึ้ง” โมเดลลิ่งเก๊ หลังเล่นใหญ่อ้างสนิทสนม “ลิซ่า แบล็กพิ้งค์” ซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก สามารถพาลูกสาวถ่ายโฆษณาร่วมกันได้ แฉครอบครัวหลงเชื่อเพราะก่อนนี้เคยพาลูกสาวไปถ่ายโฆษณานมเปรี้ยวแล้วได้ค่าจ้างกลับมาเกือบ 2 หมื่นบาท ก่อนที่จะชวนไปถ่ายโฆษณาอีกหลายครั้ง แต่ละครั้งให้วางเงินประกันในจำนวนเงินที่แตกต่างกัน ก่อนที่จะมาความแตก สรุปเหยื่อโอนเงินประกันไป 42 ครั้ง หมดไปกว่า 8.7 ล้านบาท

แจ้งจับโมเดลลิ่งเก๊ตุ๋น 8.7 ล้านบาท อ้างจะพาลูกสาวถ่ายโฆษณาร่วมกับ “ลิซ่า แบล็กพิ้งค์” เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 ก.ค. ที่ทำการเพจสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38 นายเอ (นามสมมติ) อายุ 44 ปี ชาว จ.แพร่ เข้าขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกโมเดลลิ่งเก๊หลอกลงทุนถ่ายโฆษณา อ้างสนิทกับลิซ่า BLACKPINK ซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกชาวไทย ชวนไปถ่ายโฆษณาโดนหลอกให้โอนเงินค่าวางประกันรวม 42 ครั้ง เป็นเงิน 8.7 ล้านบาท

นายเอกล่าวว่า เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ภรรยาตนรู้จัก น.ส.น้ำผึ้ง โมเดลลิ่งเก๊ ผ่านเฟซบุ๊ก อ้างทำ ธุรกิจเฟ้นหานักแสดงไปถ่ายโฆษณา หรือละครต่างๆ เมื่อเห็นโปรไฟล์ น.ส.น้ำผึ้งดูน่าเชื่อถือทำให้ครอบครัว มั่นใจว่าจะสามารถพาลูกสาวคนโต อายุ 11 ขวบเข้าสู่วงการบันเทิงได้จริง กระทั่งวันที่ 16 พ.ค. ได้ติดต่อหา น.ส.น้ำผึ้งถึงการสมัครเรียนการแสดงคอร์ส 3 เดือน น.ส.น้ำผึ้งบอกว่ามีค่าใช้จ่าย 17,000 บาท โดยยืนยันว่ามีงานถ่ายโฆษณาแน่นอน แต่เมื่อโอนเงินไปให้โดยยังไม่ทันได้เรียน น.ส.น้ำผึ้งติดต่อกลับมาว่า ให้ลูกสาวไปถ่ายโฆษณานมเปรี้ยวยี่ห้อดังที่สตูดิโอแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี ในวันที่ 25 พ.ค. ได้พาลูกสาวไปถ่ายโฆษณา เห็นว่าถ่ายทำกันจริงมีบุคคลอื่นร่วมถ่ายโฆษณาด้วย จากนั้น 1 เดือน ต่อมาได้รับค่าจ้าง 19,000 บาท ทำให้ยิ่งมั่นใจว่าสามารถทำเงินได้จริงจึงได้จ่ายเงินค่าเรียนการแสดงของลูกสาวคนเล็กอายุ 10 ขวบ เพิ่มไปอีก 1 คน

...

นายเอกล่าวว่า จากนั้น น.ส.น้ำผึ้งได้ชักชวนให้ลูกสาวตนไปถ่ายโฆษณาประเภทอื่นๆอีกหลายครั้ง โดยให้ตนวางเงินประกันก่อนทุกครั้งด้วยจำนวนเงินที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักแสนบาท ด้วยความมั่นใจว่าจะได้ค่าตอบแทนกลับมาจริงได้โอนเงินให้ไปตลอด มีครั้งหนึ่ง น.ส. น้ำผึ้งบอกว่าจะชวนลูกสาวไปถ่ายโฆษณาร่วมกับ น.ส.ลลิษา มโนบาล หรือลิซ่า BLACKPINK จะได้ค่าจ้าง 150,000 บาท แต่ต้องวางเงินประกัน 75,000 บาท แล้วอ้างว่าตัวเองสนิทสนมกับลิซ่า สามารถพาไปถ่ายงานร่วมกันได้ทั้งครอบครัว ทำให้ตนต้องพาครอบครัวเดินทางมาจาก จ.แพร่ มาเปิดโรงแรมนอนพักที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. แต่ น.ส.น้ำผึ้งได้เลื่อนประวิงเวลามาตลอด จนทำให้รู้ตัวว่าถูกหลอก ที่ผ่านมาโอนเงินให้ น.ส.น้ำผึ้ง 42 ครั้ง รวมเป็นเงิน 8,734,000 บาท โดยไปยืมญาติมา 2,000,000 บาท ได้ติดต่อสอบถาม น.ส.น้ำผึ้งอ้างว่าจะคืนเงินทั้งหมดให้เมื่อวันที่ 28 ก.ค. แต่ถึงตอนนี้ไม่สามารถติดต่อได้จึงมาขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแถลงข่าวเสร็จสิ้น น.ส.น้ำผึ้งได้โทรศัพท์กลับมาหาผู้เสียหายบอกว่าจะทยอยคืนเงินให้ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ แต่ไม่รับปากจะสามารถคืนเงินทั้งหมดให้ได้หรือไม่ ขณะที่นายเอกภพกล่าวว่า เชื่อว่าน่าจะมีผู้เสียหายมากกว่านี้ เพราะเมื่อวันศุกร์ที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ยังพบว่าเฟซบุ๊ก ของ น.ส.น้ำผึ้งยังโพสต์หานักแสดงไปถ่ายโฆษณาอยู่

ต่อมาเวลา 12.30 น. วันเดียวกัน ทีมงานเพจสายไหมต้องรอดได้พานายเอผู้เสียหายไปแจ้งความที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 หรือ บก.สอท.1 โดย พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เปิดเผยว่า เบื้องต้นจะรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานว่าเข้าข่ายการฉ้อโกงหรือ hybrid scam หรือไม่ รวมทั้งจะพิจารณาออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำ จากนั้นจะประสานสถานีตำรวจในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ขอฝากเตือนประชาชนว่าให้มีความรอบคอบในการติดต่อหรือทำธุรกรรมใดๆ ผ่านทางโลกออนไลน์ด้วย

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่