ตร.ยอมรับภาพเสื้อเกราะที่ปรากฏในสื่อโซเชียล เคยสั่งซื้อเมื่อปี 53 จำนวน 650 ตัว วัสดุที่ใช้เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น แต่เลิกใช้แล้วรอทำลาย สพฐ.ตร. ทดสอบยิง 9 นัด เสื้อเกราะลอตเดียวกัน ยันใช้งานได้จริง กระสุนไม่ทะลุ พร้อมยืนยันการจัดหาชุดเกราะกันกระสุน ยึดมาตรฐานสากล และคำนึงถึงความคล่องตัว สะดวกสบายของผู้ใช้งานตามภารกิจเป็นสำคัญ ขอให้เชื่อมั่น

กรณีที่ปรากฏภาพเสื้อเกราะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในสื่อโซเชียลมีเดีย และมีการเสนอข้อมูลว่าเสื้อเกราะตัวดังกล่าววัสดุภายในทำด้วยไม้ พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. มอบหมายให้ทีมโฆษก ตร. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชี้แจง เวลา 14.00 น. ที่ห้องสารสิน อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร., พล.ต.ต.นิรันดร ศิริสังข์ไชย ผู้บังคับการกองสรรพาวุธ, พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการพิสูจน์หลักฐานกลาง แถลงข้อมูลผลการตรวจสอบมาตรฐานของเสื้อเกราะตัวตามภาพที่เป็นข่าว ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายในการจัดหาเสื้อเกราะกันกระสุนสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เป็นไปตามคุณภาพและมาตรฐานสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรฐาน NIJ (National Institute of Justice) ประเทศสหรัฐอเมริกา 

...

ในการจัดหาเสื้อเกราะแต่ละครั้งนั้น ผู้ประกอบการที่เป็นคู่สัญญาจะต้องสามารถบอกแหล่งที่มาของแผ่นเกราะว่าผลิตที่ใด เมื่อใด และเป็นไปตามมาตรฐาน NIJ ที่กำหนด ในการตรวจรับจะมีการยิงทดสอบด้วยกระสุนปืนในระยะห่างตามมาตรฐานที่ NIJ กำหนดด้วย อายุการใช้งานของเสื้อเกราะตามมาตรฐานของ NIJ ที่ได้กำหนดเพื่อรับรองประสิทธิภาพสูงสุดของแผ่นเกราะอยู่ที่ 5 ปี ทั้งนี้ มิได้หมายความว่าเมื่อเกิน 5 ปีแล้ว จะไม่สามารถกันกระสุนได้เลย เพียงแต่ประสิทธิภาพอาจลดลง 

ขณะเดียวกัน พบว่ามีบางประเทศ หรือผู้ผลิตที่กำหนด Lifespan ของเสื้อเกราะไว้มากกว่า 5 ปี ในการจัดหาเสื้อเกราะ ยังได้กำหนดการประกันคุณภาพเสื้อเกราะ รวมทั้งประกันชีวิตและประกันการบาดเจ็บของผู้สวมใส่ไว้ตามระยะเวลา หากได้รับบาดเจ็บเป็นเงิน 500,000 บาท หรือเสียชีวิต เป็นเงิน 1,000,000 บาท 

     

สำหรับเสื้อเกราะที่ปรากฏตามภาพในโซเชียลมีเดีย ที่มีหมายเลขซีเรียลนัมเบอร์ 8A154338 นั้น เป็นเกราะที่ ตร.เคยใช้ในราชการ เป็นหนึ่งในเสื้อเกราะที่ได้สั่งซื้อเมื่อเดือน เม.ย. 2553 จำนวน 650 ตัว เป็นเสื้อเกราะพร้อมแผ่นเกราะแข็ง ระดับ 3 จำนวน 500 ตัว และเป็นเกราะอ่อนอีก 150 ตัว โดยทุกตัวมีมาตรฐานความปลอดภัยตามมาตรฐานของ NIJ และวัสดุที่ใช้เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น ราคาในการจัดซื้อสอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่ และมีอายุการใช้งาน 5 ปี ปัจจุบันเสื้อเกราะดังกล่าวเลิกใช้งานแล้ว โดยหมดอายุการใช้งานมาเป็นระยะเวลา 8 ปีแล้ว โดยหมดอายุการใช้งานเมื่อปี 2559 และอยู่ในระหว่างขั้นตอนการจำหน่าย และทำลายตามระเบียบราชการ (ยุทธภัณฑ์ของทางราชการ ซึ่งหมดอายุการใช้งานแล้ว จะต้องนำไปทำลายตามที่ระเบียบกำหนด)  

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการยืนยันถึงวัสดุและมาตรฐานของเสื้อเกราะข้างต้น ตร. ได้มอบหมายให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) นำเสื้อเกราะดังกล่าวไปตรวจทางเคมีในห้องปฏิบัติการ ผลการตรวจสอบพบว่า วัสดุภายในเป็นเส้นใย polyethylene ทับกันเป็นชั้นโดยในแต่ละชั้นใช้ตัวเชื่อมประสาน ซึ่งมีสเปกและคุณลักษณะถูกต้องตามสัญญาการจัดซื้อทุกประการ และเป็นไปตามมาตรฐาน NIJ รวมทั้งยังได้ทดสอบการยิงกระสุนจริงใส่เสื้อเกราะในลอตเดียวกัน ที่ซื้อมาเมื่อ พ.ศ. 2553 อีกจำนวน 3 ตัว โดยใช้กระสุนขนาด 9 มม., ขนาด .357 และ ขนาด .45 อย่างละ 3 นัด รวมจำนวน 9 นัด ผลปรากฏว่าเสื้อเกราะทั้ง 3 ตัวสามารถกันกระสุนได้ทั้งหมด ไม่มีกระสุนนัดใดทะลุเสื้อเกราะ

...

การจัดหาเสื้อเกราะกันกระสุนที่มีมาตรฐาน เพื่อช่วยดูแลความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ให้กับข้าราชการตำรวจ เป็นนโยบายสำคัญของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ที่มีความห่วงใยในสวัสดิการความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานโดยตลอด ตร.จึงได้กำหนดแผนการจัดหาเพิ่มเติม หรือการจัดหาเพื่อทดแทนของเก่าอย่างต่อเนื่อง 

การจัดหาครั้งล่าสุด เมื่อ พ.ศ. 2566 จำนวน 3,200 ตัว เป็นเสื้อเกราะอ่อนป้องกันกระสุน พร้อมแผ่นเกราะแข็ง ระดับ 3 และ ระดับ 4 สามารถป้องกันกระสุนปืนได้ตามมาตรฐาน NIJ ได้แก่ กระสุนปืนพก ขนาด 9 มม., .45, .357 แม็กนั่ม ตร.ได้ทำแผนการจัดหาในอนาคตเพื่อให้ครอบคลุมในการปฏิบัติงานของตำรวจทุกนาย ระหว่างปี 2567 - 2571 อีกปีละประมาณ 13,000 ตัว ซึ่งตามแผนการจัดหานี้ จะทำให้ผู้ปฏิบัติงานมีเสื้อเกราะใช้งานอย่างทั่วถึง  

...

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ได้ดำเนินการจัดหาชุดเกราะกันกระสุน โดยยึดมาตรฐานสากล และคำนึงถึงความคล่องตัวสะดวกสบายของผู้ใช้งานตามภารกิจเป็นสำคัญ จึงขอแจ้งให้ข้าราชการตำรวจเชื่อมั่น และโปรดสวมใส่เสื้อเกราะกันกระสุนในการปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้ง เพื่อสร้างความปลอดภัยและป้องกันมิให้มีการสูญเสียจากการปฏิบัติงาน