ระทึก หน่วยอรินทราช 26 ปิดล้อมตึกแถวย่านบางบอน กทม. ทั้งคืนจับชายคลั่งก่อเหตุยิง “พ.ต.ท.” รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม เสียชีวิต และ “ด.ต.” ผบ.หมู่ ป. บาดเจ็บขณะเข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาทกันภายในครอบครัวผู้ก่อเหตุเป็นพ่อมีประวัติป่วยทางจิตเวช ทำร้ายลูกสาวบาดเจ็บกักตัวไว้ในบ้าน ต่างฝ่ายต่างยิงตอบโต้กันดุเดือดใช้เวลาเกลี้ยกล่อมกว่า 7 ชม. ไม่ยอมจำนนปลิดชีพยิงตัวตายคาบ้านพบปืนมรณะตกอยู่ข้างศพ ด้าน ผบ.ตร.เผยปูนบำเหน็จ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ เลื่อนเงินเดือน 6 ขั้น ขอพระราชทานยศเป็น “พล.ต.อ.” ดูแลสวัสดิการให้ครอบครัวอย่างเต็มที่ พร้อมถอดบทเรียนทบทวนยุทธวิธีการปฏิบัติป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียซ้ำอีก

ขวัญผวากลางดึกล้อมจับชายคลุ้มคลั่งยิงตำรวจดับ เมื่อเวลา 21.45 น. วันที่ 20 ก.ค. พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม ด.ต.ไชยวัฒน์ อัตโสภณวัฒนา ผบ.หมู่ ป.สน.ท่าข้าม รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทในครอบครัวผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืน เหตุเกิดในอาคารพาณิชย์ 2 คูหา สูง 3 ชั้น เลขที่ 45/257-258 หมู่บ้านดีเค ซอย 2 ถนนพระราม 2 แขวงและเขตบางบอน กทม. ไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สายตรวจ ขณะที่ตำรวจทั้ง 2 นายไประงับเหตุที่บริเวณหน้าประตูบ้าน ผู้ก่อเหตุทราบชื่อ นายบุญมา หรือเฮียตุ้ง วณิชพงศ์ธร อายุ 49 ปี กำลังทะเลาะกับลูกอยู่ในบ้าน ใช้อาวุธปืนยิงใส่ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์เข้าที่หน้าอกขวา 1 นัด หน้าอกซ้าย 1 นัด และง่ามนิ้วมือซ้าย 1 นัด ด.ต.ไชยวัฒน์ที่ยืนอยู่ใกล้กันได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่ง รพ.สหวิทยาการมะลิ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์อาการสาหัสเสียชีวิตในเวลาต่อมา และมีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย คือ ลูกสาวของนายบุญมา อายุ 15 ปี ถูกปืนตบที่หน้าบาดเจ็บเล็กน้อย

...

จากการสอบถามนายสุวิทย์ โพธิสุข อาสาสมัคร อปพร.เขตบางบอน กล่าวว่า ได้รับแจ้งเหตุรีบเดินทางมาตรวจสอบพร้อมด้วยเพื่อนร่วมงาน เมื่อถึงหน้าบ้านพบตำรวจนอนหมดสติจมกองเลือดอยู่หน้าบ้าน ภายในบ้านพบลูกสาวถูกพ่อใช้ปืนไม่ทราบขนาดตบที่บริเวณใบหน้า เจ้าหน้าที่ อปพร.ช่วยเหลือสมาชิกในครอบครัว 4 คน ออกมาจากบ้านได้อย่างปลอดภัย ลูกสาวให้ข้อมูลว่า พ่อก่อเหตุยิงตำรวจ ในบ้านมีปืนทั้งหมด 4 กระบอก ขนาด.38 ขนาด 9 มม. ขนาด 11 มม. และปืนลูกซอง พร้อมกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาทีมอาสากู้ภัยได้รับแจ้งเหตุจากตำรวจขอสนับสนุนรถพยาบาลมารับผู้ก่อเหตุ เนื่องจากมีอาการป่วยทางจิตเวชไปรักษาที่ รพ. แต่เมื่อมาถึงผู้ก่อเหตุข่มขู่จะยิง เบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้กินยาและไม่ได้รักษาต่อเนื่องมานาน 1 ปีแล้ว

ต่อมา พล.ต.อ.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม เดินทางมาที่เกิดเหตุ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยอรินทราช 26 นำกำลังเข้าปิดล้อมบริเวณบ้านเกิดเหตุ ประกาศให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากบริเวณจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องขยายเสียงพูดปลอบให้นายบุญมายอมมอบตัว ระหว่างเกลี้ยกล่อมได้ยินเสียงปืนดังจากในบ้านเป็นระยะๆ

พล.ต.ท.ธิติกล่าวว่า คนร้ายอยู่บริเวณชั้นลอยของบ้านยังไม่มีท่าทีสงบใช้ปืนยิงสวนเป็นระยะ แต่ตำรวจที่คุมสถานการณ์อยู่รอบบ้านไม่ได้ยิงตอบโต้ เพราะเกรงประชาชนละแวกใกล้เคียงถูกลูกหลง เจ้าหน้าที่ประเมินสถานการณ์ก่อนใช้ยุทธวิธีเบาไปหาหนักปฏิบัติการอย่างรอบคอบ จากข้อมูลทราบว่าผู้ก่อเหตุชอบสะสมปืนเคยฝึกฝนยิงปืน ปืนทั้งหมดมีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนมีอาการป่วยทางจิตหรือไม่ขอตรวจสอบก่อน

กระทั่ง เวลา 03.00 น. วันที่ 21 ก.ค. เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี ใช้หุ่นยนต์ EOD ROBOT ไปสังเกตการณ์บริเวณพื้นที่รอบๆ บ้านเพื่อประเมินสถานการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจปูพรมโอบล้อมเข้ากระชับพื้นที่ และเปิดธรรมะผ่านเครื่องขยายเสียงกล่อมให้ผู้ก่อเหตุใจเย็นยอมวางปืนออกมามอบตัว เจ้าตัวยังเก็บตัวเงียบในบ้าน ผ่านไป 2 ชม. ตำรวจได้ประกาศแจ้งประชาชนใกล้เคียงไม่ให้ออกมานอกบ้านอย่างเด็ดขาด และยุติการเจรจาเนื่องจากผู้ต้องหาไม่มีท่าทียอมจำนน สถานการณ์เริ่มตึงเครียดคนร้ายได้ยิงปืนออกมา 1 นัด ตอนเวลา 04.40 น. จากนั้นเวลา 05.20 น. เจ้าหน้าที่เปิดฉากยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปในบ้าน 2 นัด และเวลา 05.27 น. ยิงแก๊สน้ำตาอีก 3 นัด เวลา 05.28-05.49 น. ได้ยิงเสียงปืนดังทั้งฝั่งคนร้ายและฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทั่งเวลา 05.51 น. เจ้าหน้าที่เรียกรถกู้ชีพเข้ามาประจำจุดเตรียมพร้อมรับผู้บาดเจ็บ และกั้นแนวรอบจุดเกิดเหตุเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจที่เกิดเหตุ เบื้องต้นได้รับรายงานว่า พบศพผู้ก่อเหตุอยู่บริเวณใต้บันไดชั้นลอย

พล.ต.ท.สำราญกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามยุทธวิธีจากเบาไปหาหนัก ใช้อาวุธปืนและระเบิดสตันต์บอมบ์เพื่อทำลายประตู ขณะนี้ยังไม่ยืนยันว่าเป็นการวิสามัญฆาตกรรมหรือยิงตัวตาย ต้องให้แพทย์ชันสูตรและสอบสวนเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ เบื้องต้นพบอาวุธปืนยังไม่ทราบขนาดอยู่ข้างร่างผู้ก่อเหตุ 1 กระบอก ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐาน ยืนยันตำรวจทำงานเป็นไปตามยุทธวิธี

...

ต่อมาเวลา 08.20 น. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลางและแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช เข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ บริเวณชั้นลอยพบศพนายบุญมา หรือเฮียตุ้ง นอนตะแคงซ้ายบนเตียงนอนขาห้อยทั้ง 2 ข้าง มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนเข้าที่ขมับขวาเลือดแห้งกรังพบปืนไม่ทราบขนาดตกอยู่ที่ข้างศพด้านขวา ในบ้านพบร่องรอยกระสุนเกือบ 100 นัด เจ้าหน้าที่เรียกให้ลูก 3 คน ของนายบุญมาที่สังเกตการณ์อยู่หน้าบ้านไปพูดคุย และพาไปดูศพพ่อในบ้าน ก่อนให้มูลนิธิร่วมกตัญญูนำศพส่ง รพ.ศิริราชชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

นายนพดล ชัยวงศ์ อายุ 39 ปี เพื่อนบ้านตรงข้ามบ้านเฮียตุ้ง กล่าวว่า ก่อนเหตุเกิดเหตุได้ยินเสียงตำรวจมาเรียกเฮียตุ้ง จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังหลายนัดเห็นตำรวจถูกยิงล้มลง ตนตกใจมากรีบหาที่กำบังเกรงว่าจะถูกยิง เฮียตุ้งมักมานั่งกินเหล้าที่ร้านชำของตนบ่อยเห็นพกปืนมาด้วย มักพูดให้ฟังว่า “เครียด ไม่ได้อยู่กับลูกกับเมีย มีเงินใช้ไปจนตาย แต่ลูกเมียไม่อยู่ด้วย” ยิ่งกินเหล้าอารมณ์ยิ่งร้อนบางครั้งสร้างปัญหาให้เพื่อนบ้าน เคยเตือนแต่เฮียตุ้งจะพูดว่า “กูมีบัตรบ้า กูยิงคนไม่ผิด” นอกจากนี้เพื่อนบ้านหญิงชราอีกคนกล่าวด้วยว่า เมื่อก่อนเฮียตุ้งเป็นคนใจดี ชุมชนมีกิจกรรมจะช่วยเหลือตลอดตั้งแต่ช่วงโควิดเฮียตุ้งเปลี่ยนเป็นคนอารมณ์ร้อน มักทะเลาะกับลูก ชาวบ้านเห็นแจ้งตำรวจให้มาช่วยหลายครั้ง เอาปืนมายิงเฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง สิ่งที่ชาวบ้านกังวลคือขับรถเร็ว ส่วนเรื่องยิงปืนหรือทะเลาะกับลูกไม่ค่อยกระทบเพราะจะทะเลาะกันในบ้าน

...

จากการสอบปากคำพยานแวดล้อมเบื้องต้นทราบว่า นายบุญมามีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง เคยทำร้ายภรรยาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว และทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว ตำรวจ สน.ท่าข้ามเคยมาระงับเหตุบ่อยครั้ง ภรรยาพร้อมด้วยลูกสาว 5 คน ย้ายไปอยู่ที่คอนโดฯแห่งหนึ่ง ก่อนเกิดเหตุนายบุญมาให้ลูก 3 คนมาช่วยทำความสะอาดบ้านช่วงเย็นวันที่ 20 ก.ค. นายบุญมาควบคุมตัวลูกสาวเอาไว้บอกให้ติดต่อภรรยาให้มาหา กระทั่งตำรวจได้รับแจ้งมาตรวจสอบพร้อมภรรยานายบุญมา พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์เข้าระงับเหตุถูกยิงเสียชีวิตดังกล่าว ที่ผ่านมานายบุญมาต้องกินยาตลอดและไปรักษาที่ รพ.ศรีธัญญา แต่ระยะหลังไม่ได้กินยาต่อเนื่องทำให้อาการกำเริบมากขึ้น

ขณะที่ พ.ต.ท.มงคล สังข์เพิ่ม สวป.สน.ท่าข้าม กล่าวว่า ตนและ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์มาถึงที่บ้านเกิดเหตุ พยายามเข้าไปช่วยตัวประกัน ขณะที่ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์จู่โจมชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ ตนรีบวิ่งเข้าไปแต่เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ตัวประกันวิ่งสวนออกมา ทำให้นายบุญมายิงปืนรัวออกมา กระสุนโดน พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ตนเห็นรีบเอาโล่มากำบังและรีบลากร่าง พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ออกจากหน้าบ้าน แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่ง รพ.ทันที พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์เป็นคนดีมากไม่เคยพูดจาไม่ดีกับลูกน้อง แม่ของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์เพิ่งเสียชีวิตไป

ด้าน พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 กล่าวว่า พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ยืนยันจะดูแลอย่างเต็มที่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ไประงับเหตุพร้อมกับ ด.ต.ไชยวัฒน์พบว่าผู้ก่อเหตุและลูก 2 คน อยู่ภายในบ้าน ญาติขอร้องให้ช่วย ตำรวจพยายามเข้าไปภายในบ้านประกบตัวผู้ก่อเหตุ ระหว่างนั้นลูกของผู้ก่อเหตุวิ่งสวนออกมาทางประตูด้านหน้า พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ถูกผู้ก่อเหตุยิงโดยไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ สำหรับ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์เป็นคนขยันทำงานมักเข้าระงับเหตุสำคัญด้วยตัวเองตลอด ขณะนี้สอบปากคำภรรยาและลูกผู้ก่อเหตุ 5 คนแล้ว ทั้งหมดอยู่ในอาการเครียด สาเหตุการเสียชีวิตของนายบุญมาให้น้ำหนักประเด็นฆ่าตัวตาย เนื่องจากตรวจสอบพบเลือดในที่เกิดเหตุแห้งแล้ว ต้องรอผลตรวจพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่กองหลักฐานและแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราชยืนยันอีกครั้ง

...

มีรายงานว่า พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์เพิ่งออกตรวจเวรที่จุดตรวจวัดบัวผัน เมื่อได้รับแจ้งรีบเข้าระงับเหตุทันที พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์อายุ 59 ปี จะเกษียณอายุราชการในปี 68 มี พ.ต.ท.หญิง ชนม์ณกานต์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.กองอัตรา สนง.กำลังพล เป็นภรรยา และมีลูกชายเป็นข้าราชตำรวจชื่อ ร.ต.ท.วันรัฐธ์ จันยะรมณ์ นรต.รุ่น 76 ตำแหน่ง รอง สว. (สอบสวน) สภ.สำโรงใต้ จ.สมุทรปราการ ญาติเตรียมนำศพ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดยางสุทธาราม เขตบางกอกน้อย กทม. ในวันที่ 22 ก.ค. กำหนดพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เวลา 17.00 น. สวดอภิธรรมวันที่ 22-27 ก.ค. และพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 17.00 น.

ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต และ ด.ต.ไชยวัฒน์ได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่ว่า สั่งการให้ดูแลสวัสดิการพิจารณาปูนบำเหน็จสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามระเบียบราชการอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อตำรวจและทายาทผู้เสียชีวิต สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีจิตวิญญาณผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ นับเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของ ตร. เบื้องต้นดูแลสิทธิประโยชน์ให้กับครอบครัวของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จำนวน 4,577,210 บาท พร้อมปูนบำเหน็จความดีความชอบตอบแทนเป็นกรณีพิเศษเลื่อนเงินเดือนให้ 6 ขั้น ขอพระราชทานยศเป็น “พล.ต.อ.” รวมทั้งจัดพิธีศพให้สมเกียรติ ส่วนของ ด.ต.ไชยวัฒน์ดูแลสิทธิประโยชน์เบื้องต้นจำนวน 33,000 บาท และดูแลสวัสดิการสิทธิประโยชน์อื่นตามหลักเกณฑ์อย่างเต็มที่ต่อไป พร้อมสั่งให้ถอดบทเรียน ทบทวนยุทธวิธีการปฏิบัติจากกรณีดังกล่าวป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียขึ้นอีก

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่