"เอก สายเต๊าะ" ขอโทษชาวบ้าน ยันปรับปรุงตัว ไม่รับปากทำได้หรือไม่-แต่จะพยายาม ตำรวจหิ้วนอนคุก คัดค้านประกันตัว เตรียมส่งศาลฝากขัง 21 ก.ค.นี้

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 ก.ค. 67 ที่ สน.ดอนเมือง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สุกฤต มังคละสวัสดิ์ ผกก.สน.ดอนเมือง พร้อมด้วย พ.ต.ท.อำนาจ ฉ่ำชะเอม รอง ผกก.สส.สน.ดอนเมือง พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง ควบคุมตัว นายเอกลักษณ์ ขุนพรหม หรือ "เอก สายเต๊าะ" อายุ 42 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช หลังช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา ถูกชุดสืบสวนนครบาลร่วมกับ สน.ดอนเมือง นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นบ้านพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ซึ่งเป็นบ้านของ "เอก สายเต๊าะ" เพื่อตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย โดยตรวจยึดของกลางอาวุธปืนยาว บีบีกัน 1 กระบอก และทรัพย์สินที่ นายเอก ก่อเหตุชิงทรัพย์จาก รปภ.หมู่บ้าน เพื่อมาสอบปากคำ

ขณะที่ พ.ต.ท.อำนาจ ฉ่ำชะเอม รอง ผกก.สส.สน.ดอนเมือง หัวหน้าชุดตรวจตรวจค้นบ้านนายเอก กล่าวว่า จากการสอบปากคำ นายเอก ให้การปฏิเสธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาจะให้การ ทางตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประวัติก่อนหน้านี้ที่ถูกดำเนินคดี และข้อมูลจากชาวบ้าน โดยยืนยันว่าจะดำเนินการทุกมิติและรอบคอบอย่างถึงที่สุด ซึ่งขณะนี้จากการตรวจค้นบ้านของนายเอก พบสิ่งเทียมอาวุธปืน อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นปืนจริงหรือไม่ นอกจากนี้บริเวณรั้วบ้านยังพบกระเป๋าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน ที่นายเอกใช้อาวุธมีดยาวไปชิงทรัพย์เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา "ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด" ซึ่งตำรวจได้ตรวจยึดอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุเอาไว้แล้ว เบื้องต้นการตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด ส่วนการตรวจจิตเวชแพทย์วินิจฉัยว่าไม่พบว่ามีอาการทางจิต

...

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ตำรวจจะนำตัวนายเอกไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาในวันพรุ่งนี้ (21 ก.ค.) โดยในสำนวนตำรวจจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากพนักงานสอบสวนจะต้องบรรยายพฤติการณ์ และประวัติการกระทำความผิดของนายเอก ที่พบว่ามีการกระทำความผิดก่อนหน้านี้ โดยจะบรรยายในเรื่องของพฤติกรรม เพื่อให้ศาลพิจารณาเรื่องของความรุนแรงและมีผลกระทบกับประชาชนในวงกว้าง เชื่อว่าจะมีผลในการพิจารณาของศาลอย่างแน่นอน เพราะอัตราโทษของผู้ที่เคยกระทำความผิด หากพบว่ามีการกระทำความผิดซ้ำ ศาลจะหยิบยกมาให้ความสำคัญในการพิจารณา

ส่วนการดำเนินการตามกฎหมายอาญา ตามมาตรา 39 ห้ามเข้าเขตกำหนดหรือควบคุมตัวในกรณีจำเลยกระทำตัวเป็นอันตรายต่อสังคม และมาตรา 45 ศาลสั่งห้ามจำเลยเข้าเขตที่กำหนดไม่เกิน 5 ปี ทางตำรวจก็จะมีการบรรยายไปในสำนวน แต่จะมีการบังคับใช้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

ส่วนข้อหาอื่นๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆมาประกอบให้รอบด้าน เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยตำรวจเข้าใจความรู้สึกและความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นอย่างดี แต่การดำเนินคดีจะต้องขึ้นอยู่ในกรอบของกฎหมาย ทั้งที่ตำรวจทุกนายอยากจะลุย แต่บางครั้งติดเรื่องข้อกฎหมาย จึงทำให้ไม่ทันใจชาวบ้าน แต่ขอให้อดใจรอ

ส่วนการไลฟ์สดโชว์อาวุธปืน และก่อความเดือดร้อนรำคาญเดินไปมาในหมู่บ้านนั้น ขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้ว และจะต้องมีการถอดถ้อยคำจากคลิปวิดีโอไลฟ์สด เพื่อดูว่าเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายข้อใดบ้าง

ต่อมาตำรวจได้นำตัวนายเอกมาสอบปากคำที่ห้องสอบสวน โดยนายเอกมีท่าทีสงบลง สามารถตอบคำถามสื่อมวลชนได้อย่างชัดเจน โดยกล่าวคำขอโทษกับประชาชน และยืนยันว่าจะปรับปรุงตัวด้วยการไม่เสียงดัง ขอโทษที่ทำให้ชาวบ้านตกใจกลัว คำพูดของตนอาจจะรุนแรงไป จะไม่ขับรถเร็วในหมู่บ้าน และจะใช้คำพูดกับเพื่อนบ้านดีๆ ในอนาคตจะทำได้หรือไม่นั้น ตนยังไม่รับปากแต่จะพยายาม แต่การออกมาโวยวายยอมรับว่าต้องการอยากให้นิติบุคคลของหมู่บ้านออกมาปรับปรุงการทำหน้าที่ ส่วนการจะสำนึกผิดหรือไม่ ยืนยันว่าไม่สำนึกผิด เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร ส่วนการนอนห้องขังถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่กังวล ทำผิดก็ต้องรับผิด

ขณะที่ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 34 ปี หนึ่งในลูกบ้านเดียวกับนายเอก ได้นำอาหารและน้ำดื่มมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชน เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ให้ความสำคัญกับปัญหาความเดือดร้อนของลูกบ้าน หลังทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายเอกมาที่ สน.ดอนเมือง พร้อมเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตนก็เป็นคนที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนายเอก โดยทำทรัพย์สินและรถยนต์เสียหาย จากการไปใช้เส้นทางอื่น เพราะนายเอกปิดทางเข้า-ออกหมู่บ้าน ส่วนลูกบ้านคนอื่นๆ ที่ถูกกระทำการในลักษณะเดียวกัน ยอมรับว่าทนไม่ไหวถึงขั้นต้องประกาศขายบ้าน พร้อมอยากขอร้องเจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าวให้หมดไปเสียที

"ส่วนการประกาศขายบ้านนั้น ตอนนี้ลูกบ้านคนอื่นและตนยังคงจะประกาศขายอยู่ เพราะยังไม่ได้รับความชัดเจนวว่า นายเอกจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ เพราะที่ผ่านมานายเอกก็ถูกจับกุมมาแล้ว และได้รับการปล่อยตัวออกมา หลังปล่อยตัวก็ออกมาอาละวาดและกระทำลักษณะเดิมซ้ำ จริงๆ แล้วคนที่ควรออกจากหมู่บ้าน คือนายเอกไม่ใช่ลูกบ้านคนอื่น พร้อมวอนเจ้าของโครงการควรดำเนินการขั้นเด็ดขาด ไม่ควรปล่อยให้เป็นภาระของลูกบ้าน อย่ารักษาบ้านเพียง 1 หลังแลกกับคนหมู่มาก เพราะทุกวันนี้ชาวบ้านต้องอยู่กันด้วยความหวาดระแวง ทั้งที่บ้านเป็นเหมือนพื้นที่ปลอดภัย แต่กลายเป็นว่าต้องนั่งระแวงว่าวันนี้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง" น.ส.เอ กล่าว

น.ส.เอ กล่าวต่อว่า ส่วนความเสียหายที่ได้รับนั้น เบื้องต้นยังไม่ได้คุยกับลูกบ้าน แต่นิติหมู่บ้านแค่แจ้งให้ลูกบ้านที่ได้รับความเสียหายรวบรวมหลักฐาน และใบแจ้งความมาลงชื่อไว้ ส่วนตัวเชื่อว่าหากนายเอกได้รับการประกันตัว นายเอกจะไม่เข็ดหลาบและออกไปกระทำในลักษณะเดิมอีก และหวั่นว่าจะกระทำการรุนแรงมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ตนยังหวังว่าทุกหน่วยงานจะดำเนินการกับนายเอกขั้นเด็ดขาดเสียที เพื่อความสงบสุขของคนทั้งหมู่บ้าน

...

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบประวัตินายเอก พบว่า เคยมีประวัติถูกจับดำเนินคดีฐานฉ้อโกง เมื่อปี 2553 ท้องที่ สภ.คลองหลวง จำคุก 1 ปี 6 เดือน และคืนเงินให้ผู้เสียหาย จำนวน 3,050,000 บาท, คดีทำให้เสียทรัพย์ 2 คดี ท้องที่ สน.ดอนเมือง และคดีมีอาวุธปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต จากการเข้าตรวจค้นบ้านพัก ขณะที่นายเอกถอยรถชนบ้านคู่กรณี และมีการไลฟ์สดโชว์อาวุธปืนผ่านโซเชียล รวม 2 คดี เมื่อช่วงประมาณต้นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา นอกจากนี้สำหรับในปี 2567 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ปัจจุบัน ถูกผู้เสียหายแจ้งความก่อความเดือดร้อนรำคาญ รวม 11 คดี จากผู้เสียหายเพียง 1 รายเท่านั้น ของท้องที่ สน.ดอนเมือง ถูกดำเนินคดีพกพาอาวุธมีดฯ และจอดรถกีดขวางการจราจร ตาม พ.ร.บ.จราจร ที่นายเอกขับรถจอดขวางหน้าหมู่บ้าน กระทั่งมาถูกจับกุมคดีชิงทรัพย์ รปภ.ในครั้งนี้ ส่วนการใช้ชีวิตประจำวันนั้น นานเอกยอมรับว่า ได้รายได้และได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนๆ ด้วยการไลฟ์สดผ่านทางโซเชียลมีเดีย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา "ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด" โดยนายเอกขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จากนั้นจึงนำตัวเข้าห้องขัง โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เตรียมนำตัวส่งศาลอาญารัชดาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป