ดราม่าสนั่น โซเชียลเสียงแตก กรณีชายยากจนวัย 50 ปี ถูกดำเนินคดีขโมยลูกชิ้นยืนกิน มูลค่า 300 บาท มารู้ความจริงอีกครั้ง เอาไปเลี้ยงครอบครัวและแบ่งไปให้พ่อแม่ที่ป่วยติดเตียง ขณะที่ตำรวจรุดเยี่ยมให้กำลังใจพ่อแม่ผู้ต้องหา แต่ยืนยันต้องดำเนินคดี เพราะเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ล่าสุดนายกสภาทนายความ มอบหมาย "พลกฤต เนาว์ประโคน" ทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ โดดลงมาดูเรื่องคดีแล้ว
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 กรณีนายบุญเที่ยง หรือธง พิทักษ์พันธุ์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 ม.5 บ้านโนนแดง ต.หนองกะทิง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ถูกตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ จับกุมในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.00 น.
หลังตกเป็นข่าวจนกระทั่งทราบว่า ลูกชิ้นที่นายธงขโมยไปนั้น เอาไปทอดให้ครอบครัวกิน ส่วนหนึ่งเอาไปแบ่งให้พ่อแม่ อายุ 88 ปี และ 89 ปี ที่ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งทั้งสองอยู่ในวัยชราภาพ ฐานะยากจน โดยเฉพาะแม่ป่วยติดเตียง
ทำให้โซเชียล ต่างออกมาวิจารณ์กันเป็นวงกว้าง ตอนแรกทุกคนต่างเห็นอกเห็นใจนายธง ที่ต้องการหาอาหารไปให้แม่ แต่ไม่มีเงินซื้อ จึงจำเป็นต้องไปขโมยลูกชิ้น ทำให้ชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งออกมาวิจารณ์ร้านจำหน่ายลูกชิ้น ว่ามูลค่าทรัพย์ที่หายไปเพียง 300 บาท ทำไมถึงต้องแจ้งความดำเนินคดีลักทรัพย์
ต่อมาโซเชียลกลับแบ่งออกมาเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายเดิม คือเห็นใจคนร้าย และหันไปตำหนิร้านจำหน่ายลูกชิ้น ส่วนอีกฝ่ายบอกว่าร้านค้าเขาอาจจะเคยประสบมาก่อน จึงติดกล้องวงจรปิด ประกอบกับบ้านเมืองมีกฎหมายจะต้องดำเนินคดีตามขั้นตอน มิเช่นนั้นอาจจะเป็นเยี่ยงอย่าง หรือหันมาก่อเหตุอีกทั้งที่เป็นสิ่งผิดกฎหมายนั้น
...
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ นำข้าวสารอาหารแห้งบางส่วนไปมอบให้ครอบครัวนายธง ที่อำเภอลำปลายมาศ เพื่อให้กำลังใจ
สอบถาม พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ทราบว่า กรณีดังกล่าว ยอมรับว่าเห็นใจผู้ต้องหา หลังทราบว่าฐานะยากจนที่ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ และต้องแบกรับภาระหลายชีวิต แต่ในทางคดีเป็นเรื่องของกฎหมาย
กรณีนี้มีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นใบหน้าและปรากฏเวลาก่อเหตุชัดเจน ตอนนั้นไม่มีใครทราบได้ว่าประวัติของผู้ก่อเหตุเป็นอย่างไร พนักงานสอบสวน คือ ร.ต.อ.สุพจน์ ตึกกระโทก รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ต้องแจ้งข้อกล่าวหา "ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ" ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 7 ปี 6 เดือน เป็นคดีความผิดอาญาต่อแผ่นดิน ยอมความไม่ได้ ถึงแม้ต่อมาเจ้าของร้านลูกชิ้นจะมาขอถอนแจ้งความก็ตาม ส่วนผลของคดีขึ้นอยู่กับศาลซึ่งเป็นผู้พิจารณา
แต่หากเป็นการลักทรัพย์ธรรมดา ซึ่งทรัพย์สินจำนวนไม่มาก และลักทรัพย์ในเวลากลางวันแล้วไม่มียานพาหนะ จะมีโทษจำคุก 3-5 ปี กรณีนี้ผู้บังคับการตำรวจ สามารถใช้ดุลยพินิจสั่งไม่ฟ้องได้ แต่กรณีของนายธงหลักฐานครบ ไม่สามารถเลี่ยงเป็นอย่างอื่นได้
นายสมหมาย หลงพิมาย อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านโนนแดง หมู่ที่ 5 ต.หนองกะทิง กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นนายธง มีภรรยาแต่ไม่มีลูก ต่อมาภรรยาเสียชีวิตและไปได้ภรรยาใหม่ที่ในเขต อ.เมืองบุรีรัมย์ ไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน
หากถามว่าพฤติกรรมของนายธงเป็นอย่างไร ตนขอใช้คำว่า "กลางๆ" มักจะไปแอบตัดไม้ในที่สาธารณะมาเผาถ่านขายหลายครั้ง เคยเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นประจำ ส่วนพฤติกรรมหลังจากที่ไปอาศัยอยู่ในตัวเมือง ตนไม่ทราบ ย้ำมีพฤติกรรมแบบ "กลางๆ"
สำหรับแนวทางคดี ล่าสุด ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้มอบหมายให้นายพลกฤต เนาว์ประโคน ทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ มาดูเรื่องคดีของนายธง ว่าจะมีช่องทางช่วยเหลือได้อย่างไร เพราะเป็นคดีที่มีหลักฐานชัดเจน