ผู้การเชียงใหม่ สอบปากคำ หนุ่ม 26 ผู้ต้องหาชิงทอง 80 บาท นานหลายชั่วโมง พบมีการวางแผนแบบเกมและหนัง โดยได้จองตั๋วบินไปญี่ปุ่นตอน 2 ทุ่ม หลังก่อเหตุ ได้จัดซื้อตั๋วเรียบร้อย และนำเงินจากการขายทองโอนเข้าบัญชีตัวเอง และโอนให้น้องสาว หวังไปใช้ชีวิตเมืองนอก
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 ก.ค. 67 นายนิพิฐพนธ์ สมบูรณ์สุขยิ่ง ผู้ต้องหาชิงทองกลางห้างดังจังหวัดเชียงใหม่ ถูกตำรวจ สภ.แม่ปิง คุมตัวมาให้ พล.ต.ต.รีวีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 สอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยการสอบสวนเป็นไปอย่างเข้มข้น ก่อนจะคุมตัวผู้ต้องหาแยกไปอีกห้องเพื่อให้พบและพูดคุยกับพ่อ-แม่ ที่นำข้าวและน้ำมาเยี่ยมลูกชายตั้งแต่เช้า ซึ่งผู้ต้องหาถูกคุมตัวสวมหมวกปีกใส่แว่นมีสีหน้าเรียบเฉย
โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงมูลเหตุการจูงใจที่ก่อเหตุ และถามจะมีการขอโทษผู้ตายหรือไม่ แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมปริปากพูดแม้แต่คำเดียว
พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 เผยว่า จากการสอบสอบสวนผู้ต้องหาวันนี้ยังคงให้การเหมือนกับรายละเอียดที่ลงไปก่อนหน้านี้ ซึ่งตำรวจได้ซักถามประเด็นที่ตำรวจเราสงสัยที่ยังมีข้อพิรุธ ลำดับเหตุการณ์ก่อนหลัง ซึ่งสอบถามก็เคลียร์ทุกประเด็นแล้ว ซึ่งผู้ต้องหาได้วางแผนชิงรถไปก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองโดยใช้รถยานพาหนะเป็นของผู้อื่น ซึ่งได้สอบถามว่าเหตุใดจึงไม่ใช่รถเช่าก่อเหตุ แต่กลับมาเรียกแกร็บในการก่อเหตุ ผู้ต้องหาบอกว่า ถ้าหากเช่ารถนั้นต้องมีการใช้บัตรประจำตัวประชาชนจะทำให้ตำรวจติดตามตัวได้ง่าย เขาเลยใช้วิธีนี้แทน โดยทำร้ายเจ้าทรัพย์จนถึงแก่ความตายแล้วนำศพไปทิ้งซ่อนเร้นอำพราง ก็ยังจะพอทำให้มีเวลาหลบหนีจากก่อเหตุได้
...
เบื้องต้นจากพยานหลักฐานที่ปรากฏนั้นผู้ต้องหาก่อเหตุเพียงคนเดียว ให้การน่าเชื่อว่าทำเพียงคนเดียว โดยมูลเหตุจูงใจคือต้องการไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอก และอีกส่วนหนึ่งคิดว่าถ้าหากไปอยู่เมืองนอกเสร็จก็จะนำเงินที่ขายทองมาดูแลพ่อแม่ได้
และตามคำให้การมีการจองตั๋วเครื่องบินที่จะเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น หลังก่อเหตุได้นำทองไปขายและจำนำ มีการจองตั๋วไฟลต์บินตอนสองทุ่ม วันที่ 8 ก.ค. 67 โดยบินจาก จ.เชียงใหม่ ไปลงสุวรรณภูมิ เพื่อไปประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้นจะไปประเทศที่ 3 ต่อ ซึ่งจำเป็นต้องการใช้เงิน และจากการสอบถามก็สำนึกผิด ซึ่งแผนก่อเหตุนั้นมาจากเกมและหนัง
ทั้งนี้ผู้ต้องหาได้ชิงทองไปนั้นมีทั้งหมด 80 บาท 22 เส้น ได้คืน 15 เส้น ขายไป 7 เส้น ได้เงินมา 3 แสนกว่าบาท โอนเข้าบัญชีตัวเอง และน้องสาว
เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพกพาอาวุธปืน ซึ่งในส่วนคดีชิงทอง สภ.แม่ปิง ตำรวจไม่ทำแผนแล้ว ส่วนคดีชิงรถและฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน และซ่อนเร้นอำพรางศพนั้นของ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ คาดว่าจะทำแผนในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ เพราะต้องนำตัวผู้ต้องหาฝากขังศาลจังหวัดเชียงใหม่ก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้ (10 ก.ค.).