"ผกก.สภ.หนองเรือ" เผย "หลานฆ่าตา" สำนึกผิด-เศร้าอยากตายตาม ตำรวจประสานแพทย์จิตเวชเช็กอาการ-จัดเวรยามดูแลใกล้ชิดหวั่นคิดสั้น และเปลี่ยนเวลาคุมตัวส่งศาลเป็นช่วงเช้าวันที่ 5 ก.ค.นี้

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ก.ค. 67 ที่ สภ.หนองเรือ พ.ต.อ.ประทีป ปัญโญวัฒน์ ผกก.สภ.หนองเรือ กล่าวถึงกรณีการตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย นายธีรภัทร หรือไอซ์ ชัยอาจ อายุ 23 ปี ที่ก่อเหตุใช้มีดปาดคอและตัดหัว นายสาย ชัยอาจ อายุ 86 ปี ผู้เป็นตาจนเสียชีวิตคาเก้าอี้ ภายในกระท่อมนาของผู้ตาย ในพื้นที่บ้านป่าเสี้ยว ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น เมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ก.ค. 67 ที่ผ่านมา ว่า หลังคุมตัวเข้าห้องควบคุมที่โรงพัก ทางตำรวจได้ทำการตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย แต่ไม่พบสารเสพติด ซึ่งจะต้องให้แพทย์จากโรงพยาบาลมาทำการเลือดของผู้ต้องหา เนื่องจากมีข้อมูลจากพยานแวดล้อมว่า ผู้ต้องหาพัวพันกับยาเสพติด แต่ยังตรวจไม่พบสารเสพติด จึงต้องตรวจซ้ำอย่างละเอียดอีกครั้ง

ส่วนการสอบสวนนั้น ทางตำรวจได้ทำการสอบปากคำพยานแวดล้อม และบุคคลที่ใกล้ชิดกับผู้ต้องหา รวมถึงสอบปากคำมารดาของผู้ต้องหาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทราบประวัติจากมารดาว่า ผู้ต้องหามีอาการทางจิตเวชมาตั้งแต่เด็กแล้ว ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากปัญหาในครอบครัว เพราะพ่อแม่แยกทางกัน แต่ก็ส่งลูกเรียนหนังสือจนจบชั้น ม.3 จากนั้นก็พาลูกชายรักษาอาการทางจิตเวชมาโดยตลอด และพักอาศัยอยู่ด้วยกัน ซึ่งทางมารดาไม่ได้พูดถึงเรื่องการติดยาเสพติด แต่ยืนยันว่าลูกชายอาศัยอยู่ที่บ้านและที่ทุ่งนา บริเวณเดียวกับกระท่อมของผู้เป็นตา ช่วยตาเกี่ยวหญ้าเลี้ยงควาย ช่วยตัดหญ้าในนา ทำไร่อ้อย และไม่เคยมีอาการผิดปกติ จนกระทั่งก่อเหตุดังกล่าวขึ้น โดยไม่มีเหตุเตือนมาก่อน

ผกก.สภ.หนองเรือ กล่าวอีกว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้เป็นแม่ไม่ได้ไปที่นา 4 วัน มีเพียงพ่อเลี้ยงที่ไปทุกวัน เพื่อเอาข้าวและอาหารไปส่งให้ลูกชายกับพ่อตาทุกวัน ซึ่งก็ไม่พบความผิดปกติ และไม่มีใครสังเกตเห็นว่าลูกชายจะก่อเหตุฆ่าตาตัวเอง ซึ่งจากการสอบสวนในเบื้องต้นหลังควบคุมตัว ผู้ต้องหาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดว่า ได้เดินวนไปมาบริเวณกระท่อมของตา เห็นตานั่งอยู่บนเก้าอี้ ซึ่งไม่ได้คุยกัน มองไปอีกทีก็เห็นตานั่งหลับ และไม่รู้มีอะไรดลใจให้หยิบมีดอีโต้ที่วางอยู่ในกระท่อม ฟันไปคอของตาขณะนั่งหลับ 2 ครั้ง จนคอขาด จากนั้นไม่รู้จะทำอะไรต่อ จึงหิ้วหัวตาเดินไปหาพ่อเลี้ยงที่บ้าน แต่ยังไม่ถึง จึงวางหัวตาไว้บนแคร่ กระทั่งพ่อเลี้ยงเดินมาพบ และบอกให้นำหัวตาไปไว้ที่ร่าง จึงเดินเอาหัวไปวางไว้บนตักตา

...

"นอกจากนี้ ช่วงตำรวจสอบสวนซ้ำ ผู้ต้องหายังให้การเหมือนเดิม แต่ผู้ต้องหามีอาการเศร้าเสียใจ และมีอาการสำนึกผิด โดยบอกว่า เสียใจไม่อยากอยู่แล้ว อยากตายตามตาไป ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นอาการของผู้ต้องหาเป็นเช่นนี้ จึงประสานแพทย์จิตเวชมาตรวจอาการของผู้ต้องหา และจัดเวรยามเฝ้าตลอดเวลา เพราะเกรงผู้ต้องหาจะคิดสั้น และเปลี่ยนเวลานำตัวผู้ต้องหาส่งศาลเป็นช่วงเช้าวันที่ 5 ก.ค. 67 แทน" ผกก.สภ.หนองเรือ กล่าว