"บิ๊กเต่า" เร่งตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ 9 ตำรวจน้ำ พิสูจน์ข้อสงสัยปมเอี่ยวเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย ขอเวลาอีก 1 สัปดาห์ ขยายผลออกหมายจับเพิ่ม ขีดเส้น 1 ก.ค.นี้ ชัดเจน  เผยใช้สมมติฐานตรวจสอบเคสเดียวกับคดี "กำนันนก" ยันขณะนี้ยังไม่พบ จนท.เกี่ยวข้อง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 มิ.ย. 67 ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. และคณะเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีเรือน้ำมันเถื่อน ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดี โดยใช้เวลานานร่วม 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมกับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของเราที่บกพร่องต่อหน้าที่ จนเป็นเหตุให้เรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย รวมไปถึงเรื่องการขยายผลจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่องขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน และกรณีของแชตไลน์ต่างๆ ที่หลุดออกมา ซึ่งทั้งหมดค่อนข้างคืบหน้าไปพอสมควร

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตำรวจ บก.ปปป. ได้ร่วมกับตำรวจ บก.รน. ตรวจสอบหลายมิติ รวมไปถึงนำโทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน. ทั้ง 9 นาย ส่ง บก.ปอท. ตรวจสอบข้อมูล ก่อนส่งต่อให้ บก.ป. หรือกองปราบทำการวิเคราะห์ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเรือของกลางหรือไม่ ถ้าเกี่ยวข้องก็จะเร่งดำเนินการเอาผิด เช่นเดียวกับกรณีการตรวจสอบ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในช่วงเรือหาย คาดว่าวันจันทร์หน้า 1 ก.ค.นี้ ทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น

"สำหรับเคสนี้เราดำเนินการบนสมมติฐานเดียวกันกับเคสกำนันนก เพราะมีเจ้าหน้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุ มีหน้าที่แต่ไม่ปฏิบัติ จึงทำให้เสียหาย ซึ่งเราจะดำเนินการในรูปคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้าหากพบว่าผิดจริง ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

...

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องตรวจสอบเจ้าหน้าที่รับส่วยขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนนั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้ตำรวจ บก.ปปป. เร่งดำเนินการตรวจสอบ และจะเรียกผู้ที่ถูกพาดพิงมาสอบปากคำทุกคน คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปวันจันทร์หน้าเช่นเดียวกัน ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา

"อย่างที่รู้กันเมื่อ 3-4 ปีก่อน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงเข้าไปมีส่วนร่วม ในการเก็บผลประโยชน์จากขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน แต่เราไม่มีหลักฐาน ซึ่งทางเราเองก็อยากได้ข้อมูลเหล่านี้เช่นเดียวกัน" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว 

เมื่อถามถึงกรณีติดตามตัวเสี่ยโจ้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เสี่ยโจ้ไม่ได้ไปไหนไกล อยู่ใกล้ๆ บ้าน เท่าที่ทราบปัจจุบันเจ้าตัวมีสัญชาติกัมพูชาเพิ่มมา กลายเป็นบุคคลสองสัญชาติ ทำให้สามารถล่องหนได้ ส่วนเรื่องหมายแดงยืนยันว่า หากมีการออกหมายจับแล้ว จะเร่งดำเนินการในส่วนของหมายแดงต่อทันที หากถามว่า เสี่ยโจ้เกี่ยวกับคดีนี้หรือไม่ เกี่ยวพันอยู่แล้ว เรามั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่พอสมควร แต่ขอรวบรวมเพิ่มให้สมบูรณ์กว่านี้อีกสักหน่อย สัปดาห์หน้าน่าจะชัดเจน

"ทั้งนี้ สำหรับคดีดังกล่าว จนถึงตอนนี้ยืนยันว่า การดำเนินการยังปกติ ไม่มีอุปสรรค ไม่มีใครโทรมาขอความช่วยเหลือ เพราะเราทำด้วยข้อเท็จจริง" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า สำหรับคดีนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็นเรื่องจับเรือน้ำมันเถื่อน 5 ลำ ทางกองปราบอยู่ระหว่างเร่งทำข้อมูลรายงานสืบสวน เพื่อส่งต่อให้พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. กับตัวแทนจากอัยการสูงสุด นำไปพิจารณา เช่นเดียวกับคดีเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย ขณะนี้ก็ใกล้จะแล้วเสร็จ เพราะผู้ต้องหา พยานบุคคลต่างๆ เป็นกลุ่มเดียวกัน เพียงแต่ทำผิดต่างกรรมต่างวาระ หรือต่างมิติ

"ยืนยันว่า จากการตรวจสอบกรณีเรือหาย ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องการขยายผลออกหมายจับเสี่ย จ. หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 4-5 คนนั้น คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น เพราะตอนนี้พอทราบข้อมูลแล้วว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง รวมไปถึงทราบแล้วว่าเรือที่มารับถ่ายโอนน้ำมันกลางทะเลน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้านนั้น เป็นของใคร" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว