“บิ๊กเต่า” แจงยิบ ภารกิจตามหาเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำ ยันคืบหน้าเยอะ ส่งชุดสืบสวนกองปราบฯ ลงพื้นที่หาข้อมูลความผิดปกติก่อนเรือหลบหนี รับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำบกพร่อง แต่ถ้าพบว่ารู้เห็น เป็นใจปล่อยหนีเตรียมฟันไม่เลี้ยง ด้าน ผบก.รน.บินด่วนประสานหัวหน้าโค้ดการ์ดเขมร ช่วยติดตามเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนอีกทาง ได้รับความร่วมมืออย่างดี แต่ยังหาไม่พบ ไม่รู้หลบไปอยู่น่านน้ำประเทศอื่นหรือน่านน้ำสากลหรือไม่ พร้อมประสานทหารกองเรือ ภาค 1 ให้เรือลาดตระเวนและเครื่องบินตรวจการณ์ช่วยสอดส่องเผื่อพบเห็น ส่วนประเด็นส่วย 30 ล้านบาท ไม่ใช่เรื่องปล่อยหลบหนี แต่เป็นเรื่องวิ่งเต้นคดีให้สั่ง ไม่ฟ้อง อ้างเหตุถูกจับนอกน่านน้ำไทย ลูกเรือ 1 ใน 2 ลำที่ถูกตรวจยึดปูด ก่อนเรือ 3 ลำหลบหนีลูกเรือ ลงมาซื้อน้ำและเสบียงบนบกคึกคัก ยันเรือถูกถอด แค่จีพีเอส มีแค่เข็มทิศกับประสบการณ์ก็เดินเรือได้แล้ว หลุดปากเรือทั้ง 5 ลำมีเจ้าของคนเดียวกัน

กรณีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ประกอบด้วยเรือ เจ.พี.บรรทุกน้ำมันเถื่อน 80,000 ลิตร เรือซีฮอต บรรทุกน้ำมันเถื่อน 150,000 ลิตร และเรือดาวรุ่ง บรรทุกน้ำมันเถื่อน 100,000 ลิตร รวมน้ำมันเถื่อน 330,000 ลิตร หายไประหว่างจอดเทียบท่ารอการดำเนินคดีบริเวณท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เบื้องตนเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่ร่วมกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนลูบคม แอบมาขับเรือหลบหนีไป พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ถึงกับควันขึ้นสั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ลงไปตรวจสอบหาคนรับผิดชอบ เบื้องต้นสั่งย้าย พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน.พร้อมลูกน้องรวม 4 คนเข้ากรุ ศปก.บช.ก.ขาดจากตำแหน่งเดิมตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าจากกองบัญชาการตำรวจสอบ สวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 14 มิ.ย. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.กล่าวว่า เมื่อวานลงพื้นที่พร้อมเข้าร่วมประชุมกับหลายหน่วยเพื่อติดตามเรือที่หายไป เบื้องต้นสั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจน้ำตั้งกองอำนวยการร่วมกับทุกหน่วยเพื่อตามหาเรือ ส่วนเรื่องการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่บกพร่องทำให้ราชการเสียหายต้องดำเนินคดีความผิดมาตรา 157 ตอนนี้ให้ตำรวจ บก.ปปป.ตั้งคณะกรรมการสืบสวนคู่ขนานกับตำรวจน้ำ เพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด ส่วนแนวทางสืบสวนเกี่ยวกับลูกเรือที่อยู่ในเรือของกลางทั้ง 3 ลำที่หายไป รู้จำนวนแน่ชัดแล้วว่ามีคนลงเรือ 16 คน ทราบชื่อตำหนิรูปพรรณแล้ว 14 คน ส่วนอีก 2 คนทราบเพียงแค่ชื่อ แต่ยังไม่ทราบตำหนิรูปพรรณหรือรูปหน้า ตำรวจกองปราบฯอยู่ระหว่างตรวจสอบ

...

“สำหรับเรือน้ำมันเถื่อนของกลางมีด้วยกันทั้งหมด 5 ลำ มีลูกเรือทั้งหมด 28 คน เรือ 3 ลำที่หายไปยืนยันว่ามีลูกเรือทั้งหมด 17 คน แต่ลงเรือไปเพียง 16 คน อีก 1 คนไม่ได้ไปด้วยเป็นคนไทย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดข้อมูล ส่วนที่เหลืออยู่ในเรือที่ไม่มีน้ำมันอีก 2 ลำ จอดอยู่ที่ท่าเรือ วันที่ 17 มิ.ย.ตำรวจ บก.ปอศ.จะเรียกลูกเรือทั้งหมดที่ไม่ได้หลบหนีมาสอบปากคำอีกครั้ง จากนั้นจะขออนุมัติศาลออกหมายจับลูกเรือทั้ง 16 คนที่หลบหนี ภายในวันที่ 18 มิ.ย. จากนั้นจะสอบสวนให้ได้ความกระจ่างว่า วันนั้นใครทำอะไร อย่างไร ที่ไหนกันบ้าง” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว

รอง ผบช.ก.กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีเมื่อช่วงเช้านายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ฐานะประธานคณะกรรมาธิการตำรวจให้ข้อมูลว่า ขณะนี้พบว่าเรือที่หายไปอยู่ที่เกาะกูด จ.ตราด แล้วข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน ในส่วนของตำรวจขอชี้แจงว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จากข้อมูลที่คุยกับตำรวจน้ำชุดทำงานเมื่อวาน ยืนยันว่าเรือน่าจะเข้าไปประเทศกัมพูชาแล้ว แต่อยู่จุดไหนเป็นเรื่องที่ตำรวจต้องติดตามต่อ ขณะนี้ประสานทางการกัมพูชาให้ช่วยติดตามเรือทั้ง 3 ลำแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามติดตามเรือของกลางกลับมาให้ได้ แม้ตอนนี้จะอยู่ในน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้านก็ตาม

“ส่วนเรื่องเส้นทางก่อนที่เรือทั้ง 3 ลำจะขับหลบหนีไปสู่ประเทศกัมพูชา จากแนวทางสืบสวนพบว่า เส้นทางที่ใกล้ที่สุดหลังจากเรือออกจากท่าเรือสัตหีบจะต้องมุ่งหน้าไปที่เกาะช้าง และเกาะกูดออกประเทศเพื่อนบ้าน รวมระยะทาง 240 กม. อาจใช้เวลาอย่างเร็ว 12-13 ชม. อย่างไรก็ตามในส่วนการติดตาม เบื้องต้นประสานใช้ดาวเทียมมาช่วย รวมทั้งใช้เครื่องบินลาดตระเวนค้นหา” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว

รอง ผบช.ก.กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องนี้จะเชื่อมโยงถึงเสี่ยโจ้หรือไม่นั้น ขอเวลาสัปดาห์หน้าจะชัดเจนขึ้น ส่วนเรื่องที่มีกระแสข่าวว่า เสี่ยโจ้หลบหนีออกไปนอกประเทศแล้วนั้น ยอมรับว่าจากข้อมูลทางการสืบสวนพบว่าตอนนี้เสี่ยโจ้ไปอยู่ที่ประเทศกัมพูชา และการที่เรือหายจะเกี่ยวข้องกับเสี่ยโจ้หรือไม่ คิดว่าใครเป็นเจ้าของหรือทำธุรกิจตรงนี้คงจะไม่มีคนอื่นจะดำเนินการเช่นนี้แน่

พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวอีกว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนทำงานคืบหน้าไปเยอะ สัปดาห์หน้าจะชัดเจนมากขึ้นอีกหลายเรื่อง ส่วนที่ผู้ต้องหาได้ประกันตัวแล้วทำไมถึงกลับไปอยู่บนเรือของกลางอีก ขอชี้แจงในส่วนนี้ว่า เพราะบ้านของพวกลูกเรือก็คือเรือ พอประกันตัวเสร็จก็กลับไปกินอยู่บนเรือ ยอมรับผิดว่าเจ้าหน้าที่บกพร่องในการดูแลของกลางให้ครบถ้วน ไม่ใช่แค่ไปเอากล้องไปติดไว้แล้วดูบ้างไม่ดูบ้าง ถือว่าประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.มอบหมายให้ตนลงพื้นที่ไปดูแลคดีนี้ สั่งฟันไม่เลี้ยง เพราะเรื่องนี้ไม่น่าเกิดขึ้นใน บช.ก. หลังจากนี้ต้องตรวจสอบว่า เรื่องนี้ประมาทเลินเล่อ หรือเอื้อประโยชน์กับใครหรือไม่ ตนก็อยากรู้ ถ้ากล้าทำแล้วตรวจสอบเจอ บอกไปแล้วว่าฟันไม่เลี้ยงแน่

“ส่วนกรณีมีภาพวงจรปิดรถกระบะคันหนึ่งขับเข้าไปในพื้นที่ท่าเทียบเรือเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.เวลา 17.00 น. จากการตรวจสอบพบว่าเป็นรถขนน้ำสำหรับภารกิจการฝึกทบทวนหมวดเรือ ศรชล.ภาค 1 ฝึกระหว่างวันที่ 10-13 มิ.ย. ไม่เกี่ยวข้องกับเรือของกลางหาย ส่วนการต้องนำเรือออกไปทอดสมอห่างจากท่าเทียบเรือ 100 เมตรเป็นเพราะมีคลื่นลมแรง รวมทั้ง กรมอุตุฯประกาศมีพายุคลื่นลมแรงวันที่ 4-10 มิ.ย. รวมทั้งสารวัตรตำรวจน้ำถ่ายวิดีโอสภาพน้ำมีคลื่นลมแรงมาให้ผู้กำกับดู อนุญาตให้นำเรือไปจอดห่างจากท่าดังกล่าว กลัวว่าจะเกิดอันตรายเพราะภายในเรือทั้ง 3 ลำยังมีน้ำมันอยู่จำนวนมาก” รอง ผบช.ก.กล่าว

...

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบปากคำลูกเรือที่ไม่ได้ขึ้นเรือไปด้วยให้การว่า ทะเลาะกับคนบนเรือซีฮอร์ท ลงมานอนบนฝั่งทำให้ไม่ได้ร่วมลงเรือไปด้วย รวมทั้งไม่รู้รายละเอียดว่าลูกเรือที่อยู่บนเรือซีฮอร์ทเตรียมหลบหนีหรือไม่ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.สั่งการให้ชุดสืบสวนกองปราบปรามลงพื้นที่ท่าเรือตำรวจน้ำสัตหีบ ตรวจหาพยานแวดล้อม รวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังไปเพื่อหาว่า จุดไหนผิดสังเกตหรือลักษณะคล้ายเตรียมการบ้าง

นอกจากนี้ หลังเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำหลบหนีไป มีกระแสข่าวเกี่ยวกับส่วยก้อนใหญ่จำนวน 30 ล้านบาท มาเกี่ยวข้องกับการหลบหนี ผู้สื่อข่าวตรวจสอบกับแหล่งข่าวระดับสูง บช.ก.ยืนยันว่า ประเด็นส่วย 30 ล้านบาท ไม่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกนำเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนทั้ง 3 ลำหลบหนี แต่น่าจะเป็นการวิ่งเต้นคดีหลังเรือทั้ง 3 ลำถูกจับกุมให้สั่งไม่ฟ้อง ด้วยข้ออ้างที่ว่าขณะถูกจับกุมไม่ได้อยู่ในน่านน้ำประเทศไทย แต่อยู่ในน่านน้ำสากล

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) ว่า พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน.พร้อมคณะเดินทางไปยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ขอพบ พล.ร.อ.เตีย โซ๊ะคา รอง ผบ.ทร.และ หน.โค้ดการ์ด ที่โรงแรมในกรุงพนมเปญ เพื่อหารือและขอความร่วมมือติดตามเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำที่หลบหนีจากหน้าสถานีตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี คาดว่าจะหลบหนีมายังน่านน้ำประเทศกัมพูชา เบื้องต้น พล.ร.อ.เตีย โซ๊ะคา รับปากว่าจะช่วยตรวจสอบค้นหาเป้าหมายเรือทั้ง 3 ลำ ล่าสุดทางการกัมพูชายังไม่พบเรือทั้ง 3 ลำในน่านน้ำประเทศกัมพูชา อาจเป็นไปได้ว่าเรือทั้ง 3 ลำเบนเข็มไปทอดสมออยู่ในน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงหรือน่านน้ำสากล

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้รับคลิปการสนทนาระหว่างแม่ค้าขายของบริเวณต้นสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ กับหนึ่งในลูกเรือบรรทุกน้ำมันที่หายไป ในคลิปมีเนื้อหาสนทนาความยาวประมาณ 2.34 นาที เริ่มจากแม่ค้าสอบถามลูกเรือว่า ไหนบอกสิ้นเดือนจะกลับ ลูกเรือบรรทุกน้ำมันตอบว่า “เสธ.ไม่ให้กลับ” และให้อยู่จนคดีจบ ส่วนคดีจะจบเมื่อไหร่ยังไม่ทราบ เนื่องจากต้องไปรายงานตัวอีกครั้งวันที่ 21 มิ.ย.ก่อนขึ้นศาล เมื่อขึ้นศาลเสร็จเรือจะถูกยึดเพื่อดูดน้ำมันออกและนำเรือออกประมูล ลูกเรือที่อยู่ในคลิปยังกล่าวตัดพ้อที่ถูกกลุ่มคนโกงเงินไป 2,000 บาท และพูดว่าตัวเองแค่ผ่านมาบนแผ่นดินไทยเดี๋ยวก็ไป ไม่อยากไปเอาเรื่องคนโกงเงิน อีกทั้ง เสธ.สั่งว่า เป็นเรื่องเล็กอย่าไปใส่ใจ ยังมีเรื่องที่ใหญ่รออยู่จึงไม่ทำอะไร คลิปดังกล่าวถูกบันทึกไว้ก่อนเรือบรรทุกน้ำมัน 3 ลำจะหายไป

...

มีรายงานด้วยว่าตำรวจน้ำประสานความร่วมมือไปยังทัพเรือภาค 1 กองทัพเรือ ให้แจ้งไปยังหมู่เรือตรวจการณ์และอากาศยานที่ลาดตระเวนในอ่าวไทย ให้ช่วยสอดส่องเฝ้าระวังและติดตามค้นหาเรือบรรทุกน้ำมันที่หายไปทั้ง 3 ลำด้วย แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่ามีใครพบเห็น

ต่อมาผู้สื่อข่าวสอบถามลูกเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ใน 5 ลำที่ยังจอดอยู่ที่ท่าเรือตำรวจน้ำสัตหีบ ขณะเดินออกมาไปซื้อเสบียงเผยว่า ก่อนวันที่เรือจะหายไปลูกเรือยังมาดื่มสุราที่เรือของตนอยู่เลย แต่ไม่ได้พูดหรือบอกอะไร ขณะที่เรือทั้ง 3 ลำแล่นออกไปตนไม่ได้ยินเสียงเพราะเมา ส่วนลูกเรือที่อ้างว่า รอเสธ.สั่ง ก็ไปกับเรือบรรทุกน้ำมันที่หายไปด้วย แต่ก่อนวันที่เรือจะหายไปเห็นลูกเรือทั้ง 3 ลำออกไปซื้อเสบียงกักตุนกันอย่างคึกคัก ไม่ว่าเป็นน้ำดื่มหรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เรือที่ถูกจับทุกลำจะถูกยึดจีพีเอส (GPS) เหลือเพียงเข็มทิศ แต่แม้จะถูกยึดจีพีเอสก็สามารถเดินเรือได้ ขอมีแค่เข็มทิศและประสบการณ์ นอกจากนี้ลูกเรือคนนี้ยังยอมรับว่า เรือทั้ง 5 ลำที่ถูกจับมีเจ้าของเดียวกันทั้งหมด

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์กรณีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำหาย หลังเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า กำลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ ถามว่าตำรวจน้ำที่โยกย้ายเกี่ยวข้องหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ตอบว่า อยู่ในหน้าที่ที่รับผิดชอบ และ ผบช.ก.ตั้งคณะกรรมการแล้ว ขณะนี้รอการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ถามย้ำ ยังไม่ฟันธงว่ามีเจ้าหน้าที่ไปเกี่ยวข้องใช่หรือไม่ รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า “ยังครับ”

ถามว่าเรือที่หายค่อนข้างใหญ่ หากไม่มีเจ้าหน้าที่เปิดทางให้ยากที่จะหาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า รอฟังผลการตรวจสอบจาก ผบช.ก.ที่กำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบอยู่ เรื่องเรือหายกระทบต่อความเชื่อมั่นพอสมควร เป็นเรื่องที่เรารับไม่ได้ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลของกลางต้องรับผิดชอบ ตนคุยกับ ผบช.ก.ว่า เรื่องนี้ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง หากใครเข้าไปเกี่ยวข้อง ปล่อยปละละเลย หรือมีส่วนร่วมกระทำผิดต้องดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญา ขอให้รอฟังผลการสอบสวนดีกว่า ถามว่ากรณีเรือหายเกี่ยวข้องกับ “เสี่ย จ.” ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ในภาคใต้หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า รอผลการตรวจสอบและการสอบสวนของพนักงานสอบสวนก่อน เบื้องต้นขอชี้แจงเท่านี้ก่อน ถามถึงการขึ้นไปพบนายกรัฐมนตรีรายงานเหตุการณ์นี้หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ตอบว่า ไม่ได้รายงานเรื่องนี้ เป็นเพียงการขึ้นไปสวัสดีนายกฯไม่มีอะไร

...

ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เราติดตามเรื่องนี้ตั้งแต่วันเกิดเรื่อง ล่าสุดสอบถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ทราบว่า เรือโดนเคลื่อนย้ายไปตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. เวลา 20.00 น. วิ่งไปทางเกาะกูด จ.ตราด ไปโผล่ที่นั่นวันที่ 12 มิ.ย.เวลา 08.00 น. มีคนนำเรือออกไป ทราบแล้วว่ามีใครบ้างอยู่ในขั้นตอน ออกหมายจับ ส่วนการดำเนินการตำรวจที่เกี่ยวข้อง 4 นายคือ ผู้กำกับ สารวัตรและคนเฝ้าเรือ 2 นาย ตั้งคณะกรรมการสอบสวนของตำรวจน้ำแล้ว อีกทาง บก.ป.ป.ป.จะสืบสวนและแจ้งข้อหามาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกับตำรวจทั้ง 4 นาย ทราบว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับ “เสี่ย จ.” เจ้าของเรือที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้

“ขณะนี้ทราบแล้วว่าคนที่นำเรือไปมีใครบ้าง กำลังขอหมายจับ ส่วนเจ้าหน้าที่จะเกี่ยวข้องหรือไม่กำลังสืบสวนหาข้อเท็จจริงอยู่ แต่เบื้องต้นแจ้งข้อหา ม.157 ประมาทเลินเล่อ ทำไมเรือจอดอยู่ถึงปล่อยให้ขโมยเรือไปได้ เรื่องนี้คิดว่าน่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะถ้าไม่มีการเปิดทางคงออกไปไม่ได้ เพราะเรือเคลื่อนย้ายแบบรถยนต์รถมอเตอร์ไซค์ไม่ได้ ต้องใช้เวลาขับ แต่ต้องชื่นชม บช.ก.ที่ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงมามากพอสมควร ถือว่าทำงานได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนี้ กมธ.ตำรวจ สภาฯจะติดตามอย่างใกล้ชิด หากพบว่าดำเนินการถูกต้อง นำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษแล้วถือว่าจบ แต่ถ้าพบกระบวนการหรือความไม่ชอบมาพากลจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมกรรมาธิการ เพื่อพิจารณาเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงต่อไป” นายชัยชนะกล่าว

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่