เป็นคดีฆาตกรรมซ่อนเงื่อนตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.2566 ญาติของนางสุดารัตน์ อัตถวิจิตร อายุ 42 ปี เข้าร้องขอความช่วยเหลือตำรวจ สภ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช ว่า นางสุดารัตน์หายตัวไปจากบ้าน พร้อมรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน ขค 1797 นครศรีธรรมราช

สภ.ช้างกลาง ร่วมกับ กก.5 บก.ป. ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านพักพบร่องรอยประตูห้องนอนถูกทำลาย

เชื่อว่าถูกประทุษร้ายต่อชีวิต

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย รอง ผกก.5 บก.ป. ลงพื้นที่สืบสวน

พบเบาะแสสำคัญว่ารถยนต์ของผู้ตายได้ขับเข้ามาอยู่ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี มุ่งหน้าต่อไปยังพื้นที่ชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน ชุดสืบสวนเร่งติดตามตรวจยึดรถยนต์กลับคืนมา

แกะรอยทราบว่านางสุดารัตน์ถูกฆ่าฝังศพอำพรางทิ้งไว้ที่ภูเขาหลังสำนักสงฆ์บ้านเขาล้อม อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ชุดสืบสวนกองปราบปรามรวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 9 คน ตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ผู้ต้องหากลุ่มนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน

แบ่งเป็น 3 กลุ่ม

กลุ่มแรกคือกลุ่มลักพาตัวไปฆ่า 4 คน กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มนำรถผู้ตายขายประเทศเพื่อนบ้าน 4 คน ส่วนอีกคนที่เหลือทำหน้าที่ฝังอำพรางศพ ก่อนหน้านี้กองปราบฯร่วมกับตำรวจภูธรภาค 8 จับกุมตัวมาได้แล้ว 3 คน

แบ่งเป็นผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่อุ้มฆ่า 2 คน และทำหน้าที่อำพรางศพ 1 คน ขยายผลต่อเนื่องจับกุมตัวนายธนวิชญ์ ผู้ต้องหาตัวการสำคัญที่ทำหน้าที่เข้าไปอุ้มฆ่ากับนายไพฑูรย์ และ น.ส.อำพิลา

ทำหน้าที่นำรถยนต์ของผู้ตายนำไปขายที่ประเทศเพื่อนบ้าน

...

ชนวนเหตุคดี “อุ้มฆ่า” เชื่อว่า น่าจะเป็นการฆ่าทวงหนี้ยาเสพติดหรือธุรกิจผิดกฎหมาย เนื่องจากตัวนางสุดารัตน์ไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใคร ก่อนหน้านี้สามีของผู้ตายเป็นเอเย่นต์ยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้

ประวัติเคยถูกตำรวจจับกุมตัวไปพร้อมกับยาเสพติดของกลางลอตใหญ่

ตรวจสอบประวัตินายธนวิชญ์ หนึ่งในผู้ต้องหา พบว่าเคยมีประวัติรับจ้างอุ้มทวงหนี้ และก่อเหตุในลักษณะนี้มาหลายครั้ง เชื่อว่าน่าจะรับงานว่าจ้างจากนายทุนยาเสพติดให้มาก่อเหตุ

แม้กลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมทั้ง 3 ราย จะยังไม่ยอมเปิดเผยมูลของเหตุการลงมือวางแผนฆ่าเหยื่อ

เป็นคดีที่ บก.ป.รวบแก๊งฆ่าอำพรางสุดโหด.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ "เลขที่1 วิภาวดีฯ" เพิ่มเติม