ญาติรับศพผู้เสียชีวิตทั้ง 5 ราย จากเหตุรถกระบะเสียหลักพุ่งชนเสาไฟ ที่ อ.นาแก จ.นครพนม มาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดในภูมิลำเนาอย่างเรียบง่าย ขณะผู้รอดชีวิตยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.อำนาจเจริญ เผยคอยเตือนคนขับแล้ว ถ้าง่วงไม่ไหวก็จอดนอนพักก่อน ค่อยเดินทางต่อ แต่สามีก็ยังฝืนขับรถออกมา
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีรถยนต์กระบะสี่ประตู ยี่ห้ออีซูซุ วี-ครอส 4x4 สีเทา ทะเบียน 2 ขห 4108 กทม. ได้เสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าริมทางหลวง 223 สาย “สกลนคร-นาแก” ช่วงบ้านดอนโทน ต.ก้านเหลือ อ.นาแก จ.นครพนม จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 67 ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพชรเกษมอำนาจเจริญ ได้นำศพผู้เสียชีวิตทั้ง 5 รายกลับมายังบ้านเกิดที่ จ.อำนาจเจริญ
โดย 2 ศพ ได้ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านโคกสูง ต.นาผือ และอีก 3 ศพ ได้ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านดอนคำไหล ต.โนนหนามแท่ง อ.เมืองอำนาจเจริญ เบื้องต้นในเช้าวันนี้ทีมข่าวได้เดินทางไปที่วัดบ้านดอนคำไหล และได้พบกับ นายสำราญ สาระคุณ อายุ 73 ปี พ่อของคนขับดังรถดังกล่าว โดยเปิดเผยกับทีมข่าวว่า วันที่เกิดเหตุนั้น ภรรยา ได้ให้ลูกชายพาไปรดน้ำดำหัวพ่อตาแม่ยาย ที่อยู่ จ.สกลนคร แต่เนื่องจากว่า ตนต้องดูแลไร่นาและวัวที่เลี้ยงไว้ เลยไม่ได้ไปด้วย มีเพียงภรรยาคือ นางสมสี สาระคุณ อายุ 62 ปี นายกาญไชย์ สาระคุณ อายุ 42 ปี (ลูกชายซึ่งเป็นคนขับ) น.ส.กนกกร สาระคุณ อายุ 16 ปี (หลานสาว) นางสม จันดาวงค์ อายุ 82 ปี นางแสน พาณิชย์กุล อายุ 77 ปี (ญาติ) และนางสาวไพจิตร บูชาพันธ์ อายุ 42 ปี (ลูกสะใภ้) เดินทางไปด้วยกัน
ซึ่งก่อนจะไป ก็ไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไร ก็พูดคุยกันตามปกติดี ก่อนที่จะพากันเดินทางกลับมา ก็ยังโทรคุยกันว่ากำลังจะเดินทางกลับแล้ว ตนก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นที่ต้องมาเสียภรรยา ลูกชาย และหลานสาวในคราวเดียวกัน และในตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้
...
ขณะเดียวกัน นายปุ่น บุญตาม อายุ 71 ปี ญาติที่เดินทางไปรับตัว น.ส.ไพจิตร อายุ 42 ปี ภรรยาคนขับรถดังกล่าว ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว ที่ จ.นครพนม มารักษาตัวต่อ รพ.อำนาจเจริญ เปิดเผยกับทีมข่าวว่า จากการที่ตนได้พูดคุยกับ น.ส.ไพจิตร เบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนั้น คนขับบอกว่าง่วง จึงได้แวะปั๊มน้ำมัน และใช้ให้ น.ส.ไพจิตร ไปซื้อเครื่องดื่มชูกำลังมาให้ พร้อมกับผ้าเย็นเพื่อมาเช็ดหน้าและจะได้เดินทางต่อ
โดย น.ส.ไพจิตร ก็บอกสามีอยู่ว่า ถ้าง่วงไม่ไหวก็จอดนอนพักก่อนก็ได้ ค่อยเดินทางต่อ แต่สามีก็ยังฝืนขับรถออกมา ซึ่งตอนที่เกิดเหตุ น.ส.ไพจิตร นอนหลับเลยไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น มารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่ฟื้นอยู่ที่ รพ.นครพนม
ทั้งนี้ ทีมข่าวได้พยายามที่จะติดต่อเพื่อขอพูดคุยกับ น.ส.ไพจิตร ผู้รอดชีวิต แต่เนื่องจาก น.ส.ไพจิตร กำลังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.อำนาจเจริญ และทาง รพ.อำนาจเจริญ ก็ไม่อนุญาตให้ทางทีมข่าวเข้าไปสัมภาษณ์หรือบันทึกภาพใดๆ