ประเด็นร้อนต้องจับตาสำหรับ “การเปิดบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย” หลังจาก กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร(Entertainment Complex) สภาผู้แทนราษฎรเสนอร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ...ให้รัฐสภาพิจารณาแล้วเพิ่งผ่านความเห็นชอบไปไม่นานมานี้

ขั้นตอนถัดไปต้องส่งเรื่องให้ “คณะรัฐมนตรี (ครม.)” เพื่อพิจารณารายละเอียดให้ถี่ถ้วนรอบคอบรัดกุม ทั้งรูปแบบธุรกิจ หลักเกณฑ์ การจำกัดพื้นที่ และอื่นๆ “อันเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร” ในการพัฒนาผลการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯให้มีความเหมาะสมกับประเทศต่อไป

ถ้าหากดูเนื้อหาคร่าวๆ “ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรฯ” มีทั้งหมดอยู่ 10 หมวด 69 มาตรา สำหรับการกำหนดนิยามและโครงสร้างสำคัญอย่างเช่น “การจัดองค์กร” ที่ได้ตั้งคณะกรรมการไว้ 2 คณะใหญ่คือ คณะแรก...“คกก.นโยบายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร” โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

ทำหน้าที่กำหนดนโยบายบริหารจัดการประกอบธุรกิจ มาตรการป้องกัน แก้ไข เยียวยาผลกระทบ ออกประกาศหลักเกณฑ์วิธีการเงื่อนไข การขอรับใบอนุญาต และออกประกาศกำหนดลักษณะประเภทธุรกิจ

...

คณะที่สอง...“คกก.บริหารสถานบันเทิงครบวงจร” มีผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 4 คน แล้ว คกก.นโยบายแต่งตั้งปลัดกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยมีเลขาธิการ ปปง. บีโอไอ และ ผบ.ตร.เป็นกรรมการ

มีอำนาจพิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิง รวมถึงกำหนดดูแลการปฏิบัติงานแผนการดำเนินงาน ค่าใช้จ่ายข้าราชการใน สำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (กธบ.) และทำหน้าที่บริหารกองทุนป้องกัน และฟื้นฟูผลกระทบ

ต่อมาโครงสร้างที่สอง...“ด้านการประกอบธุรกิจ” กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หลักเกณฑ์ออกใบอนุญาต ประเภทใบอนุญาต ระยะเวลาของใบอนุญาต การกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาต เงื่อนไขการเปลี่ยนเจ้าของใบอนุญาต บทกำหนดโทษ และการเพิกถอนใบอนุญาต

โดยการประกอบธุรกิจที่จะมีกาสิโนรวมอยู่ด้วยตามบัญชีแนบท้ายกฎหมายมี 12 ประเภทกิจการ อาทิ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม 5 ดาว ร้านอาหารและบาร์ เบื้องต้นในร่างกฎหมายกำหนดให้สถานบันเทิงครบวงจรต้องได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลผ่านการประมูลใบอนุญาต (License) อายุ 20 ปี ต่อใบอนุญาตได้คราวละไม่เกิน 5 ปี

ผู้ที่จะเข้าประมูลต้องเป็นนิติบุคคลไทย และมีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท

ทว่าการเปิดกาสิโนต้องอยู่ในเขตตาม “คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด” เบื้องต้นมีรัศมีไม่เกิน 100 กม.จากสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ครอบคลุม 17 จังหวัด ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมถึงจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก 22 จังหวัด และพื้นที่ตามแนวชายแดนรวม 22 จังหวัดอีกด้วย

สำหรับด้านการลงทุน และการหารายได้เข้ารัฐ อาจให้มีใบอนุญาตในหลายๆประเภท ตั้งแต่ size S, M, L และ XL ในระยะแรกใบอนุญาตมีประเภทเดียวคือ size XL มูลค่าการลงทุนขั้นต่ำ 1 แสนล้านบาท

เรื่องนี้ทันทีที่มีการเสนอ “เปิดร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรฯ” เครือข่ายภาคประชาชนและนักวิชาการต่างเป็นกังวลผลกระทบทางสังคม และเศรษฐกิจจากการมีกาสิโนถูกกฎหมายส่งเสียงของความห่วงใยออกมากว้างขวางโดย “ธนากร คมกฤส” เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน สะท้อนผ่านเพจมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันว่า

ธนากร คมกฤส
ธนากร คมกฤส

...

การจะเปิดกาสิโนสำเร็จหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ที่ “การสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สังคม” ถ้าสังคมมีความเชื่อมั่นว่า “กาสิโน” จะมีความรับผิดชอบ ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้เข้าไปเล่นพนัน หรือไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งการคอร์รัปชันและการฟอกเงิน รวมทั้งไม่แสวงหาประโยชน์จากกลุ่มคนเปราะบางที่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหา

ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มผู้ติดพนัน และเด็กเยาวชน ก็น่าจะเปิดได้ จึงต้องฝากความหวังไว้ที่ “ประสิทธิภาพในการกำกับดูแลและการบังคับใช้กฎหมายของภาครัฐ” เนื่องด้วยกรรมาธิการฯที่อ้างอิงการนำเอาโมเดลสิงคโปร์มาเป็นต้นแบบนั้น แต่พอเห็น “ร่างกฎหมายฉบับนี้” กลับไม่ได้ยึดตามต้นแบบนั้นด้วยซ้ำ

ทำให้เริ่มมีทีท่า “ไม่เชื่อมั่นต่อการกำกับดูแลกิจการกาสิโนบนดินว่าจะทำได้จริง” เพราะหลักโมเดลของสิงคโปร์แยกอำนาจเป็น 2 ฝ่าย คือ 1.ฝ่ายดูแลปัญหา และผลกระทบ 2.ฝ่ายกำกับดูแลการประกอบกิจการที่กำหนดมาตรการต่างๆอย่างเข้มงวด “ภายใต้หน่วยงานที่น่าเชื่อถือ” ในเรื่องนี้สิงคโปร์ก็ค่อนข้างขึ้นชื่ออย่างมาก

ถ้าย้อนมาดู “ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ...” กลับมีการเสนอแนวทางการรวมอำนาจไว้ที่ คกก.นโยบายการประกอบธุรกิจฯ หรือซุปเปอร์บอร์ด เพื่อให้มีอำนาจในการกำหนดแทบทุกอย่างเกี่ยวกับ “กาสิโน” ภายใต้ของคนกลุ่มหนึ่งที่มาจากรัฐบาลทั้งหมด และเป็นกระทรวงด้านเศรษฐกิจล้วนด้วยซ้ำ

...

แต่กลับไม่ปรากฏพบว่า “สธ. หรือ พม.” เข้ามาอยู่ในซุปเปอร์บอร์ดนี้เสมือนเป็นการตีเช็คเปล่าให้คนกลุ่มนี้ใช้อำนาจอย่างเต็มที่ ขณะที่บอร์ดบริหารอันประกอบด้วย “ปลัดกระทรวงต่างๆ” ซึ่งเป็นข้าราชการประจำ มีหน้าที่เป็นเพียง “แม่บ้าน” ในการทำหน้าที่บริหารจัดการตามคำสั่งของซุปเปอร์บอร์ดเท่านั้น

กลายเป็นว่า “ไม่มีอำนาจในการถ่วงดุลการตัดสินใจใดๆ” แถมมีสำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรคอยเป็นผู้รับไปปฏิบัตินั้น

เหตุนี้อยากชวนมาคิดดูว่า “รัฐบาล” ที่เห็นดีเห็นงามกับการให้มีกาสิโนถูกกฎหมายอยู่แล้ว “แถมยังหวังอย่างยิ่งว่าจะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ” เช่นนี้ ทำให้ซุปเปอร์บอร์ดพยายามอุ้ม และออกกฎระเบียบเอื้อต่อทุนกาสิโนอย่างเต็มที่ ส่งผลให้ “การกำกับดูแล” จึงมีแนวโน้มจะเอนเอียงไปทางสนับสนุนมากกว่าการควบคุม

...

ประเด็นนี้นำมาสู่ “กมธ.พิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ” จึงมิได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันปัญหา หรือการลดผลกระทบเลยด้วยซ้ำ สามารถเห็นได้จากการไม่กำหนดให้มีองค์กรลดผลกระทบจากการพนันเหมือน “สิงคโปร์” แต่กลับมีเพียงการกำหนดมาตรการที่แผ่วเบา เช่น การจำกัดอายุ การจำกัดรายได้

โดยมีเรื่องกองทุนเติมเข้าไปให้ดูดี “แต่ไม่มีรูปแบบเป็นรูปธรรมของฝ่ายปฏิบัติที่ชัดเจน” เหตุนี้จึงดูเหมือนเป็นลักษณะ “การจัดรูปองค์กรคล้ายคลึงกับกัมพูชาและฟิลิปปินส์” ที่มีรูปแบบองค์กรแบบรวมอำนาจเบ็ดเสร็จไว้ที่ “ศูนย์กลาง” ที่มีบทบาททับซ้อนในการเป็นทั้งฝ่ายหนุนผู้ประกอบการควบคู่กับฝ่ายกำกับดูแล

ทั้งยังเป็นฝ่ายดูแลปัญหา และผลกระทบด้วย “อันเป็นการขัดแย้งในบทบาทหน้าที่” เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่ฝ่ายองค์กรกำกับดูแลจะเข้ามาเข้มงวดกวดขันกับกิจการที่ตัวเองสนับสนุนและหวังพึ่งพาอยู่นั้น แล้วยิ่งกว่านั้นมีที่ไหนที่ผู้สร้างผลกระทบจะมาทำงานลดผลกระทบจากสิ่งที่ตัวเองก่อขึ้นนั้น

ดังนั้นจึงอยากให้ “รัฐบาล” ควรพิจารณาการเปิดบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายครบวงจรในประเทศไทยอย่างรอบคอบ เนื่องด้วยกาสิโนสามารถมีได้ “แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานแห่งความเชื่อมั่น” ในการกำกับและแก้ปัญหาผลกระทบที่มากพอ เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องหลบอยู่ใต้เงาของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อีกด้วย

เพราะถ้านำเรื่องนี้ไปซุกใต้ร่มใหญ่ “ยิ่งออกกฎหมายได้ยาก” แถมจะเกิดช่องโหว่เยอะแยะมากมาย

นี่เป็น “ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ..” ที่ดูเหมือนมีความคืบหน้าไปมากจนคาดว่าไม่เกินปีนี้น่าจะเป็นรูปเป็นร่างที่ชัดเจน แล้วนับจากนั้นไม่เกิน 5 ปีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายแห่งแรกของประเทศไทยก็จะเปิดให้บริการต้อนรับนักพนันคนไทย และชาวต่างชาติได้...

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม