ศึกสายเลือด น้าสุดทนคว้ามีดฆ่าโหดหลานชาย หลังถูกพูดบูลลี่เรื่องขับแบ็กโฮไม่เป็น โดยฟันไปที่หัวและตัวนอนตายสยอง ส่วนมือมีดถูกขวดเบียร์ฟาดหัวแตกยับ


เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 67 พ.ต.อ.พงศ์ยุทธ์ แก้วดอนรี ผกก.สภ.ไพร ได้รับแจ้งจากญาติของ นายสมพร จันทมั่น อายุ 54 ปี ว่า นายสมพร ได้มาบอกกับญาติว่า ได้ไปก่อเหตุฆ่าคนตาย จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.ประสาร มณีวรรณ์ สวป.สภ.ไพร, ร.ต.อ.พิชิต โพธิทัด รอง สว.(สอบสวน) สภ.ไพร นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบ นายสมพร จันทมั่น ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณริมหน้าผาก เป็นแผลลึก เย็บ 7 เข็ม พร้อมให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เป็นผู้ก่อเหตุฆ่า นายเอกชัย บุญทอง อายุ 30 ปี หลานชาย ซึ่งเป็นญาติของตนเอง ที่บริเวณกลางทุ่งนา บ้านภูทอง หมู่ที่ 8 ต.ภูฝ้าย อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ


เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุบริเวณกระท่อมกลางนา พบร่าง นายเอกชัย บุญทอง อายุ 30 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุ ในลักษณะไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขายาวสีดำ บริเวณกะโหลกศีรษะด้านหลังถูกของมีคมฟันจนกะโหลกแตกสมองไหล บริเวณแผ่นหลังมีรอยบาดแผลเป็นทางยาว และบริเวณนิ้วมือซ้าย ถูกตัดขาดทั้ง 5 นิ้ว จากนั้นจึงได้ควบคุมตัว นายสมพร ไปสอบสวน

...


จากการสอบสวน นายสมพร ให้การว่า ตนมีอาชีพขับรถดัมพ์ ซึ่งเป็นรถส่วนตัวของตน มีศักดิ์เป็นน้าของผู้ตาย ซึ่งผู้ตายทำงานรับจ้างเป็นคนขับแบ็กโฮ ก่อนเกิดเหตุได้มารับจ้างปรับหน้าดินให้กับผู้ว่าจ้าง ตามปกติ โดยจะนอนเฝ้ารถอยู่กลางทุ่งนา ด้วยกัน 2 คน เป็นประจำ เมื่อช่วงค่ำหลังเลิกงาน นายจ้างได้นำเงินค่าจ้างมาจ่ายให้กับตนและผู้ตาย จากนั้นได้นำเงินไปซื้อเหล้าเบียร์มานั่งดื่มกินกัน ต่อมาผู้ตายได้พูดจาดูถูกถากถางตนว่าทำอะไรไม่เป็น ขับเป็นแต่รถดัมพ์ ขับแบ็กโฮเหมือนตนไม่เป็นหรอก ซ่อมรถก็ไม่เป็น พูดกลับไปกลับมาอยู่บ่อยครั้ง ตนจึงโมโหลุกขึ้นแล้วเดินไปเพื่อที่จะเอามืดปิดปากบอกให้หยุดพูด แต่เกิดพลาดผู้ตายดิ้นจนตกจากเก้าอี้ลงกับพื้น ผู้ตายโมโห จึงหยิบขวดเหล้า มาฟาดเข้าที่กลางหน้าผากตน จนเป็นแผลเหวอะมีเลือดไหล ตนจึงโกรธแค้น กลับเข้าไปยังบ้านพัก นำอาวุธมีดมาฟันเข้าที่ศีรษะและร่างของผู้ตาย จังหวะนั้นผู้ตายยกมือมาจับศีรษะจึงถูกฟันนิ้วมือซ้ายจนกุดและนอนแน่นิ่งไป


หลังก่อเหตุตนจึงได้กลับเข้าไปที่หมู่บ้านไปบอกกับญาติว่าฆ่าคนตายมา ญาติจึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมตัวดังกล่าว พร้อมตรวจยึดของกลาง เป็นมีดอีโต้หัวตัด 1 เล่ม ยาวประมาณ 50 เซนติเมตร เสื้อแขนยาวสีส้มแถบน้ำเงิน 1 ตัว กางเกงขาสั้นลายทหาร 1 ตัว รองเท้าแตะ สีดำ 1 คู่  


จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่บ้านของผู้เสียชีวิต ไปพบกับ นายเซียง บุญทอง อายุ 65 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนกับภรรยามีลูกด้วยกันทั้งหมด 3 คน เป็นหญิง 2 ชาย 1 ผู้ตายเป็นลูกชายคนเล็ก มีอาชีพรับแจ้งขับรถแบ็กโฮ ซึ่งจะไปทำงานตามหน้างานปกติทุกวัน และกินนอนเฝ้ารถอยู่เป็นประจำกับผู้ก่อเหตุ วันเกิดเหตุก็ไม่ได้มีลางสังหรณ์ใดๆ ซึ่งทั้งคู่ตนก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องบาดหมางกันเรื่องใดหรือไม่ เพราะก็เป็นญาติกัน ลูกชาย ผู้ตายก็ไม่เคยมาเล่าเรื่องผิดใจกันให้ฟัง ตนจึงไม่รู้ว่าปมปัญหาคือเรื่องอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ การก่อเหตุในครั้งนี้ ถือว่าโหดเหี้ยมมาก ซึ่งตนจะไม่ยอมยกโทษให้โดยเด็ด และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด


ขณะที่ น.ส.น้อย (นามสมมติ) อายุ 33 ปี เปิดเผยว่า ตนเป็นเพื่อนกับผู้ตาย ครั้งสุดท้ายที่เห็นเพื่อนประมาณ 19.00 น. ตนและเพื่อนอีกคนได้ออกมาหาผู้ตายที่ทุ่งนา ซึ่งตอนนั้นก็พบว่า ผู้ตายมีเลือดเปรอะเปื้อนที่แขน บอกว่าตีกันกับผู้ก่อเหตุ จะให้ตนล้างเลือดให้ แต่ตนกลัวเลือดจึงไม่กล้าล้างออกให้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นเพราะสาเหตุอะไรถึงได้ตีกัน มารู้อีกทีตอนตี 5 ว่าเพื่อนถูกฆ่าเสียชีวิต ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ตาย เป็นคนนิสัยดี เป็นคนทุ่มเทกับเพื่อนทุกอย่าง อยากถามคนที่ก่อเหตุทำไมถึงต้องทำเพื่อนขนาดนี้ถ้ามีเรื่องก็น่าจะแค่แจ้งความเอาผิดไม่น่าจะใช้ความรุนแรงถึงขนาดต้องฆ่ากันตายได้ขนาดนี้

...


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และควบคุมตัวไว้ที่ สภ.ไพร ก่อนที่จะได้นำส่งตัวฝากขังยังศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ในพรุ่งนี้เช้า เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.