"บิ๊กรอย" สั่งการ ตม.ตรวจสอบต่างชาติมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อประเทศ พร้อมกำชับ 3 มาตรการเข้ม รายงานผลภายในวันที่ 10 ของทุกเดือน เริ่ม 10 เม.ย.นี้  

เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 67 พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และ รรท.ผบ.ตร. มีหนังสือคำสั่งเป็นบันทึกข้อความส่วนราชการ ตร. ลงวันที่ 14 มี.ค. 67 เรื่องกำชับการปฏิบัติในการป้องกันปราบปรามชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมผิดกฎหมาย ถึง ผบช.สตม. ใจความระบุว่า ด้วยปรากฏตามสื่อสังคมออนไลน์ (social media) และตามสื่อมวลชนต่างๆ ว่ามีคนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และพำนักอยู่ในประเทศไทย มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อสังคม จากการตรวจสอบพบว่า ไม่ได้เข้ามาตามที่กฎหมายกำหนด มีพฤติการณ์แอบแฝงที่จะอยู่ในประเทศด้วยเหตุผลอื่น ซึ่งไม่เป็นไปตามเหตุแห่งความจำเป็นที่คนต่างชาตินั้นได้รับอนุญาต มีการกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน หรือหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย แสดงให้เห็นถึงความไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายไทย ทั้งประเทศไทยไม่ได้รับประโยชน์จากการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเหล่านั้นแต่อย่างใด ความเสียหายต่อสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคงของประเทศไทย เพื่อเป็นการควบคุมและป้องกันคนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวมากระทำผิดกฎหมาย หรือก่ออาชญากรรม หรือมีพฤติการณ์เป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุข หรือความปลอดภัยของประชาชน หรือความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กำชับการปฏิบัติในการป้องกันปราบปรามชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมผิดกฎหมาย ดังนี้

1.เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบคัดกรองคนต่างชาติที่เดินทางผ่านเข้า-ออกราชอาณาจักร ตลอดจนการพิจารณาให้คนต่างชาติได้รับอนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว การตรวจลงตราและการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา โดยให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ และคำสั่งที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

...

2.ให้สืบสวนจับกุมการกระทำผิดกฎหมาย ทุกฐานความผิดตามกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนต่างชาติให้ครบถ้วน ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง กฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว กฎหมายว่าด้วยสถานบริการ การประกอบกิจการหรือธุรกิจผิดกฎหมาย การทำนิติกรรมอำพราง (นอมินี) โดยให้คนไทยถือครองหุ้นบริษัท หรือครอบครองกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์แทนคนต่างชาติ เพื่อประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมาย ฯลฯ ตลอดจนตรวจสอบพฤติกรรมชาวต่างชาติว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลหรือไม่อย่างไร โดยให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการในการตรวจสอบ และบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด

3.กรณีตรวจสอบพบว่าคนต่างด้าวมีพฤติการณ์ที่อยู่ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้เป็นไปตามเหตุแห่งความจำเป็น หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด หรือมีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายในลักษณะเป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร หรือมีพฤติการณ์อื่นใดที่สมควรเพิกถอนการอนุญาต ให้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522

ทั้งนี้ ให้กำชับหน่วยงานในสังกัดจัดทำแผนการปฏิบัติ และกำหนดวงรอบในการออกตรวจสืบสวนจับกุมอย่างต่อเนื่อง และครอบคลุมทุกพื้นที่ตามห้วงเวลาที่เหมาะสมอย่างเป็นรูปธรรม และเมื่อมีการจับกุมผู้กระทำความผิดได้ ให้สืบสวนขยายผลการจับกุมทุกราย และรายงานผลการปฏิบัติให้ทราบภายในวันที่ 10 ของทุกเดือน เริ่มรายงานผลการปฏิบัติครั้งแรกภายในวันที่ 10 เม.ย. 67 เพื่อทราบและดำเนินการ.