"ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ผู้ว่าฯกทม. ลงพื้นที่สุขุมวิท 11 หลังเกิดศึกกะเทยไทย VS กะเทยฟิลิปปินส์ บอกอย่าเหมารวม นักท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ ชี้ทำไม่ดีแค่ส่วนน้อย ขณะที่ ผกก.สน.ลุมพินี ยังไม่ได้รับรายงาน ในพื้นที่มีการค้าบริการทางเพศหรือไม่

ความคืบหน้าคดี กะเทยไทย ทะเลาะวิวาทกับกะเทยฟิลิปปินส์ เหตุเกิดภายในซอยสุขุมวิท 11/1 ท้องที่ สน.ลุมพินี

เมื่อเวลา 18.25 น. วันที่ 5 มีนาคม 2567 ที่บริเวณซอยสุขุมวิท 3 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและดูความเรียบร้อยในบริเวณพื้นที่ถนนสุขุมวิท โดยนายชัชชาติเปิดเผยว่า วันนี้ลงพื้นที่ตรวจสอบไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อคืนโดยตรงจะมาดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในย่านเซ็นทรัลเวิลด์ นานา และถนนสุขุมวิททั้งเส้น ปัญหาการขายบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย ขายอุปกรณ์ sex toy กทม.พยายามกวดขันแท็กซี่เถื่อน ไกด์เถื่อน ที่มาหาแขกตามริมถนน ตอนนี้จึงต้องมีการลงพื้นที่ตรวจสอบ กทม.จะต้องดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง รวมถึงเรื่องขยะ เสียงอึกทึกครึกโครม และคนไร้บ้าน โดย กทม.ประสานกับทางเทศกิจและก็ตำรวจที่จะช่วยกันทำให้เกิดความเรียบร้อย 

...

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ชาวฟิลิปปินส์ที่เข้ามาอยู่เมืองไทยเป็นมิตรกับประเทศเราและส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่ดี ส่วนผู้ที่กระทำตัวไม่ดี มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น คนที่เข้ามาทำงานในเมืองไทยอย่างถูกกฎหมายมีอยู่มากมาย อย่าเหมารวมว่าชาวฟิลิปปินส์ไม่ดี หรือแม้กระทั่งชาติไหนก็ตาม แต่ถ้าส่วนไหนที่ทำผิดก็จะต้องใช้ดำเนินคดีตามกฎหมาย 

ด้าน พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ลุมพินี กล่าวว่า กลุ่มสาวสองชาวฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่มาในวีซ่านักท่องเที่ยว ส่วนการเข้ามาแล้วมาทำอะไรต้องใช้เวลาในการตรวจพิสูจน์ ต้องมีการตรวจสอบทั้งหมดว่า ทางโรงแรมมีการแจ้งข้อมูลให้กับทาง ตม.ทราบหรือไม่เกี่ยวกับเรื่องชาวฟิลิปปินส์ที่มาเข้าพัก โดยทาง ตม.ได้ทำงานร่วมประสานกับทาง บช.น. บก.น.5 และ สน.ลุมพินี เพื่อทำการตรวจสอบข้อมูล 

หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป ส่วนพื้นที่จะมีการค้าบริการหรือไม่ ตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ ส่วนการเข้าออกประเทศไทยยังอยู่ในกรอบของระยะเวลาของวีซ่า ทุกอย่างการสอบสวนที่ผ่านมาต้องใช้กระบวนการผ่านทางล่ามแปลภาษา ส่วนเรื่องการค้าประเวณีกลุ่มสาวไทยก็ยังไม่ให้ข้อมูลในส่วนนี้ มันก็คงมีผลเกี่ยวกับการเข้าไปตรวจสอบ ส่วนข้อมูลที่พูดผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ นั้นจะต้องมีการตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรมีการแอบลักลอบค้าประเวณีหรือไม่ต่อไป