"ผู้การปากน้ำ" เผยความคืบหน้าคดีอุ้มฆ่าหนุ่มไต้หวัน หลังจับสาวไทย 1 ใน 5 ที่ร่วมขบวนการ โดยให้การเป็นประโยชน์ ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการฆาตกรรมแต่เห็นเหตุการณ์บางช่วง และได้ยินเสียงปืน 2 นัด และผู้ตายพูดขอโทษ 3 ครั้ง โดยได้ตั้ง 3 ปมก่อเหตุ ส่วนผู้ต้องหาที่ 4 อยู่ระหว่างติดตามล่าตัวกลับมาดำเนินคดี
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 27 ก.พ.67 ที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.ต.อ.วิชิต บูญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ได้ติดตามความคืบหน้าคดี อุ้มฆ่าหนุ่มไต้หวัน หลังจากที่สามารถจับตัว น.ส.ปิยานุช หรือ ตาล ธรรมรัตน์ อายุ 22 ปี หญิงชาวไทยได้แล้ว ว่า สำหรับคดีดังกล่าวต้องขอขอบคุณสื่อมวลชน รวมถึงตำรวจหลายหน่วยงานที่บูรณาการการทำงาน จนสามารถที่จะพิสูจน์ทราบตัวผู้เสียชีวิต ทำให้คดีสามารถคลี่คลายได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น นำไปสู่การกดดันทำให้หญิงชาวไทยรายนี้ตัดสินใจเข้ามอบตัวกับทางตำรวจ เนื่องจาก น.ส.ปิยานุช มีบ้านอยู่ที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังก่อเหตุจึงได้มีการพูดคุยกับทางแฟนหนุ่มเพื่อจะขอเดินทางกลับ
ซึ่งจากการสอบปากคำหญิงชาวไทยรายนี้เบื้องต้นให้การเป็นประโยชน์ บอกว่า ตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมหรือเคลื่อนย้ายอำพรางศพ แต่เห็นเหตุการณ์เป็นบางช่วง และในขณะเกิดเหตุได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด และได้ยินเสียงผู้ตายพูดเป็นภาษาจีนว่าขอโทษ 3 ครั้ง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับพยานที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณจุดเกิดเหตุ
เบื้องต้นตำรวจเองก็ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำเพิ่มเติม รวมถึงใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบเพื่อยืนยันว่าหญิงคนนั้นกล่าวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องตรงกับคำให้การหรือไม่ โดยหลังจากที่สอบปากคำเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ก็จะมีการนำตัวส่งศาลฝากขังต่อ ส่วนจะมีความผิดจริงหรือไม่ก็จะต้องไปพิสูจน์ทราบกันต่อในชั้นศาล
...
ส่วนเรื่องของปืนที่ใช้ในการก่อเหตุนั้น เบื้องต้นตำรวจตรวจสอบปืนกระบอกดังกล่าวแล้ว พบว่ามีการซื้อ-ขาย เปลี่ยนมือต่อกันมา 3 ทอด กว่าจะมาถึงมือของแก๊งชายชาวไต้หวัน ซึ่งตอนนี้พอจะมีเบาะแสบางส่วนแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางอาวุธปืนก่อนที่จะมาถึงตัวของชายชาวไต้หวันว่าก่อนหน้านี้อยู่ในมือของใครบ้าง
ส่วนประเด็นในการสืบสวนสอบสวนตั้งไว้ 3 ประเด็น คือเรื่อง 1. ธุรกิจผิดกฎหมาย (ยาเสพติด) 2. เรื่องแก๊งคอลเซนเตอร์ 3. เรื่องชู้สาว โดยตำรวจตั้งประเด็นหลักไว้ที่เรื่องของธุรกิจผิดกฎหมาย แต่ก็ยังไม่ได้ตัดประเด็นอื่นๆ ทิ้งไป
ส่วนผู้ต้องหาชายชาวไต้หวันทั้งหมด 4 คน เบื้องต้นหนึ่งคนได้กลับประเทศไปแล้ว ส่วนอีก 3 คนยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศกัมพูชา ขณะนี้ตำรวจยังอยู่ระหว่างติดตามตัวผู้ต้องหาที่เหลือมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป