ทหารหนุ่มวัย 32 ปี ยศ จ.ส.อ. ที่อุดรธานี ข่มขืนลูกเลี้ยง ม.2 ขณะเด็กป่วยนอนซมเป็นไข้ในบ้าน สารภาพเผลอไผลไปตอนเช็ดตัวให้ลูก ก่อเหตุแค่ครั้งเดียว เรื่องมาแดงเพราะครูเห็นเด็กท้องโตผิดปกติ ไปตรวจพบตั้งท้อง 22 สัปดาห์

เวลา 10.30 น. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 ขณะที่ พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี, พ.ต.ท.สิงหราช แก้วเกิดมี รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก ได้มีทหารพระธรรมนูญ 2 นาย นำตัว ทหารยศ จ.ส.อ. อายุ 32 ปี ทหารสังกัด ร.13 พัน 3 ค่ายเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ เทศบาลเมืองหนองสำโรง อ.เมือง จ.อุดรธานี เข้ามอบตัว รับทราบข้อหา “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” โดยใช้เวลาสอบสวน 2 ชั่วโมง เบื้องต้นให้การรับสารภาพ 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ครูประจำชั้น ม.2  โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี ได้สังเกตเห็นว่า ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นักเรียนประจำชั้นของตัวเอง ซึ่งมีพัฒนาการทางสมองช้า มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เซื่องซึมไม่ร่าเริงเหมือนเดิม และมีหน้าท้องโต จึงเข้าไปสอบถามว่ามีอะไรจะเล่าให้ครูฟังหรือไม่ ซึ่ง ด.ญ.เอ ได้เล่าว่า เมื่อประมาณ 4 เดือนก่อน โดนพ่อเลี้ยงที่เป็นทหารข่มขืนกระทำชำเราขณะนอนเป็นไข้ในบ้านพักในค่ายทหาร ส่วนแม่ออกไปค้าขาย 

ครูประจำชั้นได้นำ ด.ญ.เอ ไปพบเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ และแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ นางสวย (นามสมมติ) อายุ 42 ปี แม่ของ ด.ญ.เอ ทราบ ก่อนพา ด.ญ.เอ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพ่อเลี้ยง โดยตำรวจ และเจ้าหน้าที่ พม. ได้สอบสวนปากคำ ซึ่ง ด.ญ.เอ ให้การว่า ได้อาศัยอยู่บ้านพักในค่ายทหารกับพ่อเลี้ยงและแม่ โดยพ่อเลี้ยงได้จดทะเบียนรับเป็นบุตรบุญธรรม วันเกิดเหตุตนไม่สบาย แม่ให้กินยาแก้ไข้ และนอนอยู่ในบ้าน ส่วนแม่ออกไปขายของ ขณะที่ตนนอนหลับด้วยฤทธิ์ยาแก้ไข้ พ่อเลี้ยงได้เข้ามานอนกอดแล้วถอดกางเกงของตนออก ก่อนจะกระทำชำเราตน ขณะที่ตนมีอาการสะลึมสะลือด้วยฤทธิ์ยาแก้ไข้

...

พอตนตื่นมาก็รู้สึกเจ็บอวัยวะเพศซึ่งมีน้ำเหนียวเปียกแฉะ และไม่ได้บอกใคร จนกระทั่งครูประจำชั้นมาสอบถามจึงเล่าให้ครูฟัง เจ้าหน้าที่ได้นำ ด.ญ.เอ ไปตรวจหาร่องรอยกระทำชำเราประกอบสำนวนคดี และพบว่า ด.ญ.เอ ตั้งครรภ์ 22 สัปดาห์ ตำรวจจึงรวบรวมพยานและหลักฐาน เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ แต่พ่อเลี้ยงขอให้ทหารพระธรรมนูญนำเข้ามอบตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา 

หลังจากรับทราบข้อกล่าวหา และให้การรับสารภาพกับพนักงานสอบสวนเสร็จแล้ว ทหารพระธรรมนูญได้นำตัว จ.ส.อ.ผู้ต้องหาออกจากห้องสอบสวนเพื่อกลับค่ายทหาร เนื่องจากได้แสดงตัวเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาโดยไม่ได้หลบหนี จึงไม่ต้องควบคุมตัว ผู้สื่อข่าวที่รออยู่หน้าห้องได้สอบถามว่า ได้กระทำกับลูกเลี้ยงจริงหรือไม่ อยากจะฝากขอโทษเด็กหรือไม่ แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมตอบคำถาม และรีบเดินขึ้นไปบนรถ ขับออกจากโรงพักไป 

พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้งก็ได้ไปสอบสวนปากคำด้วยตัวเองที่ พมจ.อุดรธานี ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนเพื่อตรวจพิสูจน์ทราบเพื่อไม่ให้ผิดตัว ตอนนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำแม่ และแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ได้นำตัวมารับทราบข้อกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหาไม่มีพฤติกรรมหลบหนี ซึ่งแม่และญาติได้ต่อรองไม่อยากดำเนินคดี เพราะเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่เรามีกฎหมายคุ้มครองเด็ก เด็กอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถตัดสินใจได้ กฎหมายจึงให้ความคุ้มครอง เพื่อไม่ให้ผู้ใหญ่ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก แม้ว่าจะยินยอมก็ตาม แม่และยายเด็กไม่อยากเอาเรื่อง เพราะเห็นว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน มองว่าผู้ก่อเหตุเป็นเสาหลักที่หารายได้ให้ครอบครัว 

"แต่ก็ยอมรับว่า 4-5 เดือนก่อนได้กระทำกับลูกจริง และทำครั้งเดียวในวันที่ลูกนอนไม่สบาย พ่อเลี้ยงเข้าไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ลูกซึ่งโตเป็นสาวแล้ว ทำให้ล่วงเกินลูก และขอชื่นชมรอง ผอ.โรงเรียนที่สังเกตเด็กกับผู้ปกครองสนิทชิดเชื้อเกินพ่อลูก จึงเริ่มสังเกต และตอนหลังเด็กก็เริ่มซึม ท้องโตขึ้น จึงสอบถาม และพามาที่ พมจ. และรู้ว่าตั้งครรภ์ 22 สัปดาห์ ซึ่งต่อไปจะได้ทำรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาของทหารนายนี้ให้ทราบเกี่ยวกับพฤติกรรมความผิดตามระเบียบต่อไป ส่วนพยาน แม่ ครู สอบถามเรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะสอบถามเด็กต่อหน้าสหวิชาชีพ ซึ่งตอนนี้เด็กอยู่ในความคุ้มครองของ พมจ.อุดรธานี" ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี กล่าวในที่สุด.