“อั๋น ป่าช้าจีน” มือยิง “พิ นาเกลือ” การ์ดคุมผับดับคาแยกไฟแดงกลาง เมืองพัทยาเข้ามอบตัวแล้ว หลังตำรวจกดดันหนัก ตามยึด จยย.ที่ซุกไว้ในโกดังร้างกลางดึก รุ่งเช้ายกกำลังย้อนไปปิดล้อมอีกรอบหมดทางหนี ยอมโผล่จากที่ซ่อนออกมามอบตัว สารภาพถูกผู้ตายรังแกมาตลอด ก่อนเกิดเหตุ 2 วันยกพวกรุมยำใช้โซ่และบ้องกัญชาฟาด ถีบตกคลองจนสะบักสะบอม ป้าเข้ามาช่วยยังโดนต่อยสลบแถมขู่จะยิงทิ้ง ตัดสินใจยืมปืนเพื่อนพกป้องกันตัว กระทั่งเจออริโดยบังเอิญเลยชิงลงมือก่อน

ชุดสืบสวนพลิกแผ่นดินตามล่านายประเวศ จันทร์ทอง หรืออั๋น ป่าช้าจีน อายุ 36 ปี หนุ่มไรเดอร์ปืนดุจ่อยิงนายปัญญา ขยันงาน หรือพิ นาเกลือ อายุ 39 ปี การ์ดสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยมขณะจอดรถ จยย.ติดสัญญาณไฟแดงแยกพัทยาเหนือ ถนนสุขุมวิท หมู่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อเช้ามืดวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นตำรวจสอบพบปมสังหารมาจากทั้งคู่มีบ้านอยู่ใกล้กัน แต่มีปัญหาไม่ลงรอยกันถึงขั้นเคยชกต่อยกันมาแล้ว

ความคืบหน้าการติดตามจับกุมหนุ่มไรเดอร์ปืนโหด ช่วงเช้ามืดวันที่ 1 ก.พ. พ.ต.ท.ฐานานนท์ อธิพันสีห์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพัทยา พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชัยณรงค์ จิตต์สุนทร สว.สส.สภ.เมืองพัทยา นำกำลังชุดสืบสวนเข้าตรวจค้นโกดังร้างกลางไร่มันสำปะหลังในพื้นที่หมู่ 4 บ้านแกรก ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 14 กม.หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมาตำรวจพบรถ จยย.ยามาฮ่า แอร็อกซ์ สีน้ำเงิน-เทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่นายประเวศใช้ก่อเหตุและนำมาจอดทิ้งไว้ในโกดังร้างแห่งนี้ แต่ไม่พบคนร้าย คาดว่าคงไหวตัวหลบหนีไปก่อน เจ้าหน้าที่ยึดรถ จยย. เสื้อคลุมสีดำและซองปืนทิ้งไว้กองขยะหน้าโกดัง

...

อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนรับแจ้งเบาะแสว่าหลังจากชุดสืบสวนเดินทางกลับ นายประเวศย้อนกลับมานอนพักที่โกดังร้าง ตำรวจึงกระจายกำลัง ปิดล้อมอีกครั้ง กระทั่งนายประเวศแอบซุ่มอยู่ข้างโกดังยอมโผล่มาจากที่ซ่อนเข้ามอบตัวในสภาพอิดโรย เสื้อผ้าเนื้อตัวมอมแมม คุมตัวมาสอบปากคำที่โรงพัก มี พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา และ พ.ต.ท.ฐานานนท์ อธิพันสีห์ รอง ผกก.สส. ร่วมสอบปากคำ จากนั้นคุมตัวผู้ต้องหาไปค้นหาปืน 9 มม. ที่ใช้ก่อเหตุและนายประเวศอ้างว่านำไปโยนทิ้งในป่ามันสำปะหลังใกล้กับโกดังร้างแต่ไม่พบ ก่อนนำกลับมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง

นายประเวศให้การรับสารภาพทั้งน้ำตาว่า นายปัญญา ผู้ตายเป็นรุ่นพี่ มีบ้านห่างกันไม่ถึง 50 เมตร ก่อนหน้านี้เคยถูกผู้ตายยกพวกทำร้ายหลายครั้ง เก็บความอัดอั้นมากว่า 1 ปี ก่อนหน้านี้เมื่อ 2 เดือนก่อนเคยถูกผู้ตายจะใช้มีดแทงตนมาแล้ว 1 ครั้ง แต่ไม่อยากมีเรื่องด้วยตัดสินใจเดินหนีไป ล่าสุดเมื่อ 2 วันก่อนเกิดเหตุถูกผู้ตายพาพวกและหลานอีก 3 คนมารุมจับล็อกจากด้านหลังแล้วใช้โซ่ฟาด บ้องกัญชาไม้ไผ่ตีหัวก่อนถีบกลิ้งตกลงไปในคลอง แถมยังปล่อยหมาพันธุ์พิตบูลออกมาขย้ำ ป้าพยายามเข้ามาช่วยกลับถูกนายปัญญาต่อยจนสลบไปต่อหน้าต่อตา

ผู้ต้องหาให้การอีกว่า หลังเกิดเหตุวันนั้นมีผู้ใหญ่มาช่วยเคลียร์คิดว่าเรื่องราวทั้งหมดน่าจะจบ กลับตรงกันข้าม ถูกผู้ตายข่มขู่ว่า “กูจะจองกฐินมึง เจอที่ไหนจะยิงมึงที่นั่น” กลัวว่าจะไม่ปลอดภัยไปขอยืมปืนจากเพื่อนมาพกเพื่อป้องกันตัว ก่อนเกิดเหตุขี่รถ จยย.กลับจากวิ่งโบลต์รับส่งลูกค้าหน้าวัดหนองใหญ่ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 300 เมตร เจอนายปัญญาขี่รถจย จยย.ผ่านมาโดยบังเอิญก่อนจอดรถติดสัญญาณไฟแดงจึงชิงลงมือก่อน นำปืนที่พกติดตัวจ่อยิงไป 4 นัด ก่อนหลบหนีไปซ่อนตัวในโกดังร้าง เมื่อคืนขณะตำรวจเข้าตรวจยึดรถ จยย. ตนแอบหนีออกมาก่อน กระทั่งชุดสืบสวนย้อนกลับมาอีกรอบตอนเช้ามืดตัดสินใจออกมามอบตัว ที่ผ่านมาโดนข่มเหงรังแกมาเยอะขนาดแม่ยังโดนข่มขู่ อดทนมานานเหมือนหมาจนตรอก จากนี้ไม่ขอพูดอะไรอีกขอก้มหน้ารับผิดทุกอย่าง

ด้าน พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า คดีนี้ตำรวจใช้วิธีต่างๆ กดดันผู้ต้องหามีการระดมกำลังค้นปูพรมปิดล้อมจุดที่คาดว่าผู้ต้องหาหลบหนี รวมถึงประสานญาติหรือบุคคลที่ผู้ต้องหารู้จักหรือสนิทให้ช่วยเกลี้ยกล่อม ทำให้ผู้ต้องหายอมมอบตัว จากการสอบปากคำเบื้องต้นพบสาเหตุมาจากปัญหาทะเลาะเบาะแว้งทำร้ายร่างกายกัน ทั้งที่ทั้งคู่เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันมาก่อน แต่สุดท้ายก็มาขัดแย้งถึงขั้นยิงกันตาย ตรวจสอบประวัติผู้ตายพบว่าเคยถูกดำเนินคดีข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น 4 คดี รับโทษมาแล้ว 3 คดี เหลืออีก 1 คดี อยู่ระหว่างพิจารณาโทษ ส่วนผู้ต้องหาไม่พบประวัติหรือคดีอะไรติดตัว

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่