หนุ่มส่งพัสดุรัวหมัดซัดกับโชเฟอร์รถตู้ พลเมืองเห็นเหตุการณ์รีบวิ่งไปเรียกชาวบ้านมาช่วยหย่าศึก กลับมาถึงเห็นหนุ่มรถตู้ใช้มีดกระหน่ำแทงคู่กรณี ก่อนปักมีดไว้คาอกสิ้นใจกลางร้านคาร์แคร์ ส่วนตัวเองโดนแทงไส้ทะลักอาการโคม่า เมียคนตายเผยทั้งคู่เป็นเพื่อนบ้านรู้จักกันดี มีปัญหาคาใจเรื่องที่จอดรถ เคยเคลียร์กันไปแล้ว ไม่คิดว่าจะรุนแรงถึงขั้นฆ่ากันตาย

คนบ้านใกล้กันเคลียร์ไม่ลงตัวชักมีดแทงปักคาอกตายสยอง เปิดเผยเมื่อเวลา 07.45 น.วันที่ 24 ธ.ค. ร.ต.ท.พิสิษฐ์ จองจารุวงศ์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.ปากคลองรังสิต จ.ปทุมธานี รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส บริเวณร้านคาร์แคร์ ใกล้บางพูนแมนชั่น ไปตรวจสอบพร้อมพ.ต.อ.หฤษฏ์ คำจุมพล ผกก.สส.ภ.จ.ปทุมธานี พ.ต.ท. กันณพงศ์ พุทธชาติ รอง ผกก.ป. สภ.ปากคลองรังสิต พ.ต.ท.นิติธร ศุภชัยวรกุล สว.สส. กำลังสายตรวจ ชุดสืบสวน แพทย์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

จุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่ล้างรถ พบศพนายวงศธร หรือไบค์ อ่อนละมูล อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86/45 หมู่ 2 ต.บางกะดี อ.เมืองปทุมธานี นอนหงายมีมีดปักคาที่หน้าอก ปลายเท้ามีปลอกมีดสีดำยาวประมาณ 1 ฟุต ตกอยู่ พร้อมรองเท้าแตะ 1 คู่ ห่างไป 10 เมตร มีรถ จยย.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของผู้ตายจอดอยู่ ส่วนผู้บาดเจ็บชื่อนายสุพจน์ หรือเจ๊ก โพธิ์ทอง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86/41 หมู่บ้านเดียวกัน ถูกแทงไส้ทะลักอาการสาหัส นั่งพิงข้างรถตู้ของตัวเอง เป็นรถตู้โตโยต้า คอมมิวเตอร์ สีขาว ทะเบียน ฮม 5322 กรุงเทพมหานคร กู้ภัยนำส่ง รพ.กรุงสยามเซนต์คาร์ลอส

สอบถามผู้เห็นเหตุการณ์อ้างว่า เห็นคนตายกับคนเจ็บชกต่อยกันอยู่สักพัก ก่อนที่จะใช้มีดทำร้ายกัน รีบไปเรียกให้คนแถวนั้นมาช่วยห้าม พอกลับมาเห็นคนเจ็บใช้มีดกระหน่ำแทงผู้ตาย ก่อนปักมีดคาไว้ที่อก ส่วนตัวเองเดินกุมท้องไปนั่งพิงรถตู้เนื่องจากเสียเลือดมาก ต่อมามีกู้ภัยฯมารับคนเจ็บส่งโรงพยาบาล

...

ด้านภรรยาผู้ตายและญาติเดินทางมาที่เกิดเหตุก่อนกล่าวเพียงว่า ผู้ตายทำงานเป็นพนักงานส่งพัสดุบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนคู่กรณีเป็นคนขับรถตู้รับจ้าง ทั้งสองคนรู้จักกันดี มีบ้านอยู่ใกล้กัน สาเหตุน่าจะมาจากเรื่องที่จอดรถ แต่เคยเคลียร์กันไปแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมต้องมาลงมือทำร้ายกันถึงขั้นเสียชีวิตขนาดนี้ ตำรวจจะเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด และสอบสวนว่ามีดที่ใช้ก่อเหตุเป็นของใคร และใครเปิดฉากแทงใครก่อน พร้อมจะเรียกคนใกล้ชิดมาสอบปากคำเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่