"ชาดา ไทยเศรษฐ์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับตำรวจ บช.ปส. แถลงจับเครือข่ายขนยาเสพติดภาคเหนือ 10 ล้านเม็ด ซุกซ่อนในรถบรรทุกกล้วยน้ำว้า อำพรางตบตาเจ้าหน้าที่ พร้อมย้ำนโยบายปราบปรามยาเสพติด ยึดหลัก "แยกปลาแยกน้ำ" ระหว่างผู้เสพผู้ค้า 

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ธันวาคม 2566 ที่ใต้อาคารกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุด กก.2 บก.ปส.3 ผู้แทนจาก กอ.รมน. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ส. 

ร่วมกันแถลงจับกุมเครือข่ายขนยาเสพติดจากภาคเหนือเข้าเมืองกรุง มีผู้ต้องหา 5 ราย ได้แก่นายจีระยุทธ์ นายพิชิตชัย นายสุชนะโชค นายขวัญชัย นายอดิศร พร้อมของกลางรถกระบะต่อคอก 2 คัน รถเก๋ง 1 คัน และยาบ้า 10 ล้านเม็ด

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 พ.ย. เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.3 พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามพฤติกรรมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ พบว่าจะมีการใช้รถกระบะลักษณะต่อคอกบรรทุกในการลำเลียงยาเสพติด โดยอำพรางด้วยพืชผลทางการเกษตร จาก จ.เชียงใหม่ สู่ภาคกลาง กระทั่งพบความเคลื่อนไหวของเครือข่าย นายขวัญชัย ขับรถกระบะอีซูซุต่อคอกบรรทุก ทะเบียนป้ายแดงกำแพงเพชร เข้าไปรับยาเสพติดในหมู่บ้านแม่อ้อใน ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มีกล้วยน้ำว้าวางทับเต็มคันขับมุ่งหน้าสู่พื้นที่ภาคกลาง โดยมีนายอดิศร ขับรถกระบะอีซูซุต่อคอกบรรทุกป้ายทะเบียนเชียงใหม่ ไม่ได้บรรทุกสินค้าใดขับนำทาง

...

เมื่อถึงปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งคู่ได้จอดรถทิ้งไว้แล้วไปพักผ่อน ขณะเดียวกันนายจีระยุทธ์ ขับรถเก๋งมาพร้อมกับนายพิชิตชัย นายสุชนะโชค เพื่อให้ไปขับรถกระบะต่อไปยังหมู่บ้านฉัตรนคร แขวงและเขตประเวศ กทม. เจ้าหน้าที่จึงเข้าแสดงตัวตรวจค้นรถนำทางไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่คันที่บรรทุกกล้วยน้ำว้านั้น เมื่อเอาออก กลับพบกระสอบใบใหญ่มัดปากกระสอบด้วยผ้าที่สามารถนำมาสะพายหลังได้ จำนวน 50 กระสอบ เมื่อแกะออกพบยาเสพติดกระสอบละ 100 มัด 200,000 เม็ด รวมเป็น 10 ล้านเม็ด จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อนแผนให้นายพิชิตชัย นายสุชนะโชค ขับรถกระบะไปส่งคืนนายขวัญชัย นายอดิศร ที่ปั๊มน้ำมันว่านำของไปเก็บไว้ที่พักแล้ว ก่อนเจ้าหน้าที่จะแสดงตัวเข้าจับกุมอีก 3 คน ครบแก๊งส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปส.3 ดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. เผยว่า ภายใต้แผน "ตามล่า 100 เครือข่าย" ในคดีนี้พบว่าผู้ต้องหาเครือข่ายนี้มีการรับยาเสพติดจากในพื้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โดยใช้รถยนต์กระบะลักษณะคอก และใช้กล้วยซึ่งเป็นผลผลิตการเกษตรของชาวเขาตามแนวชายแดนปิดทับซ่อนไว้ เช่นเดียวกับการจับกุมเมื่อก่อนเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ตำรวจ บก.สกส.บช.ปส. จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมยาบ้าจำนวน 13.4 ล้านเม็ด ที่ด่านตรวจ จ.ชุมพร ซึ่งใช้รถกระบะมีคอกใช้กล้วยปิดทับและมีการรับยาบ้ามาจากพื้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่เช่นกัน ซึ่งเป็นของกลุ่มมูเซอ สำหรับ อ.เชียงดาว เป็นหนึ่งใน 5 อำเภอ ตามแนวชายแดนของ จ.เชียงใหม่ ที่พบการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเป็นประจำ 

ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) จะสืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีและยึดทรัพย์ผู้สั่งการทั้งสองคดีนี้ให้ได้โดยเร็ว และจะดำเนินการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดที่พื้นที่ชายแดนอย่างจริงจัง โดยจะร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย โดยเฉพาะในพื้นที่เร่งด่วนตามมาตรา 5 (10) ของประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งกำหนดสถานะชายแดนที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในพื้นที่ชายแดน 15 อำเภอ 3 จังหวัด ได้แก่ 6 อำเภอ ของ จ.เชียงราย 5 อำเภอของ จ.เชียงใหม่ และ 4 อำเภอของ จ.นครพนม โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาภายในประเทศ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการสกัดกั้นตามแนวชายแดน

นายชาดา ไทยเศษฐ์ รมช.มหาดไทย เผยว่า กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลในทุกพื้นที่ โดยพบว่าผู้มีอิทธิพลส่วนมากมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่ต้องดำเนินการปราบปรามโดยเร่งด่วนซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและกลไกในระดับพื้นที่ กระทรวงมหาดไทยได้เปิดปฏิบัติการ (Kick Of) ปราบปรามผู้มีอิทธิพล เริ่มเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 66 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จหนึ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทำงานร่วมกัน "แยกปลาแยกน้ำ" ระหว่างผู้เสพผู้ค้า ดำเนินการปราบปรามผู้ค้า ผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างจริงจัง เพื่อเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง 

...

ทั้งนี้ถือว่าประเทศไทยเป็นพื้นที่สีแดงยาเสพติดทั้งหมด ต้องเฝ้าระวังและช่วยกันเป็นหูเป็นตาแจ้งข่าวสารการค้าและการเสพให้กับหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานท้องถิ่นเราต้องทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน หากทราบว่าผู้ใดที่อยู่หน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานท้องถิ่น หรือแม้แต่ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจะถูกต้องคัดออกและดำเนินคดีอย่างหนัก ส่วนกรณีผู้เสพถือว่าเป็นผู้ป่วยนั้น กำลังแก้กฎกระทรวงให้เจ้าหน้าที่ทำงานง่ายขึ้น 

สำหรับเดือน พฤศจิกายน 2566 ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ได้จับกุมขบวนการค้ายา รายสำคัญ 21 คดี ผู้ต้องหา 42 คน ของกลาง ยาบ้า 36,351,455 เม็ด, ไอซ์ 125.84 กก. เฮโรอีน 11.87 กก. โคเคน 3.229 กก. และตรวจยึดทรัพย์ ไว้ตรวจสอบมูลค่าประมาณ 24,680,000 ล้านบาท