พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.แถลงผลการจับกุมแก๊งขอทานชาวจอร์แดน 7 ราย สร้างความเดือดร้อนรำคาญย่านซอยนานา อุ้มเด็กเล็ก จูงมือเด็กโต ยืนกดดันที่ตู้ ATM ขอทีละ 500-1,000 ไม่งั้นไม่เลิก
เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2/โฆษก สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.รัฐโซติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาชาวจอร์แดนที่เข้ามาประกอบอาชีพขอทานในไทย ในพื้นที่ กทม. จำนวน 7 ราย ประกอบด้วย 1. MRS.TURFEH MOHAMMAD MOUSA JUMAH อายุ 46 ปี 2. MRS.ORUBA FAISAL SHAMSI JUMAH อายุ 27 ปี 3. MRS.OHOOD GHALAB SHAKER JUM' อายุ 26 ปี 4. MR.SAYEL FAISAL SHAMSI JUMAH อายุ 24 ปี 5. MR.AHMAD HAYEL SHAKER JUMAH อายุ 44 ปี 6. MR.HAZEEM MOHAMMAD MUSA JUM อายุ 29 ปี และ 7. MRS.ANAAM MOHAMAMD MOUSA JUM'AH อายุ 43 ปี

พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ ตม.ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการย่านซอยนานา เขตสุขุมวิท กทม. ว่ามีคนต่างด้าวแต่งกายชาวอาหรับ ตระเวนขอเงินกับนักท่องเที่ยวและร้านค้า สร้างความเดือดร้อนรำคาญ จึงได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนต่างด้าวดังกล่าวเป็นกลุ่มคนสัญชาติจอร์แดน ซึ่งรวมตัวพักอยู่ในโรงแรมย่านซอยนานา โดยจะนัดรวมตัวกันบริเวณหน้าห้างนานาสแควร์ จากนั้นขอทานในลักษณะรบเร้า เดินตามนักท่องเที่ยวที่กำลังซื้อสินค้าในร้าน และเมื่อนักท่องเที่ยวให้เงินแล้วยังเดินตามมาขอเงินซ้ำอีก โดยจะมาเป็นกลุ่มย่อยๆ กลุ่มละ 2-3 ราย และจะอุ้มเด็กเล็ก จูงมือเด็กโต เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้สึกสงสาร บางครั้งจะยืนรอนักท่องเที่ยวที่ตู้กดเงินสด เมื่อนักท่องเที่ยวมากดเงินจะเข้าไปหาเพื่อขอเงิน ซึ่งนักท่องเที่ยวบางรายต้องให้เงินจำนวน 500-1,000 บาท กลุ่มคนดังกล่าวจึงจะยอมเลิกขอเงิน
...

ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.สตม. จึงเจ้าตรวจสอบและจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน สตม.
จากการตรวจสอบพบว่า การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จึงได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวดังกล่าว เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุข หรือความปลอดภัยของประชาชน เชื่อว่าเข้ามาเพื่อประกอบกิจการที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และขึ้นบัญชีเป็นคนต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการกักตัวรอส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรต่อไป
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.อิทธิพล กล่าวว่า ตามที่ปรากฏภาพการจับกุมขอทานชาวจีนในสื่อโซเชียลต่างๆ จากตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าขอทานสัญชาติจีนดังกล่าวทั้ง 6 ราย บางรายรู้จักกัน บางรายไม่รู้จักกัน เมื่อเห็นว่าเพื่อนมาประกอบอาชีพขอทานที่ประเทศไทยแล้วทำเงินได้ดี ก็จะพากันมาทำแบบเพื่อน โดยบาดแผลที่เกิดขึ้นตามร่างกายของกลุ่มขอทานดังกล่าวนั้น ส่วนใหญ่จะเกิดจากอุบัติเหตเพลิงไหม้ตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีรายใดให้การว่าถูกทรมาน หรือถูกบุคคลอื่นทำร้ายแต่อย่างใด กลุ่มขอทานเหล่านี้ได้ใช้ความน่าสงสารของตนเพื่อดึงดูดให้ประชาชนทั่วไปเห็นใจและบริจาคเงินให้ ซึ่งบางวันได้รับรายได้มากกว่า 10,000 บาท โดยการมานั่งขอทานไม่มีการถูกบังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด ประกอบกับการเดินทางมาขอทานตามจุดต่างๆ ทุกคนล้วนเดินทางมาเองโดยรถโดยสารสาธารณะ และการพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยทุกคนล้วนเช่าห้องพักด้วยตนเอง

นอกจากนี้ ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินขอทานทั้งหมด ปรากฏว่าเงินที่ได้จากการขอทานทุกคนได้เก็บเงินเข้าบัญชีของตนเอง ส่วนกรณีหญิงไทยที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มขอทานสัญชาติจีนดังกล่าวนั้น ข้อเท็จจริงทราบว่า มาทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาให้กับกลุ่มขอทานสัญชาติจีน เนื่องจากบางคนเคยใช้ให้เป็นล่ามให้กันมาก่อนหน้านี้
ด้าน พล.ต.ต.เชิงรณ กล่าวว่า ส่วนที่หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าชาวจีนที่มีรูปลักษณ์เป็นคนพิการอาจจะถูกทรมาน หรือบีบบังคับหรือไม่ จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางกลุ่มคนเหล่านี้เดินทางเขามาด้วยใบหน้าตรงตามหนังสือเดินทาง บางคนอาจจะมีการสวมวิกผม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้มองว่าเป็นการอำพรางใบหน้า แต่บางคนอาจจะใส่เพื่อปกปิดบาดแผล หรือสร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ดีขึ้น นั่นหมายความว่าบาดแผลที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดในประเทศไทย

...
ส่วนเงินที่ได้จากการขอทานนั้นจะถูกส่งต่อไปให้กลุ่มนายทุนหรือไม่ ต้องบอกว่าตอนนี้ยังไม่พบกลุ่มนายทุน แต่ทาง ตม.ได้ประสานไปยังทางการจีนแล้ว เพื่อบอกว่ามีเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้น และให้ทางการจีนเป็นผู้สืบสวนต่อทั้งในเรื่องบาดแผล และเส้นทางการเงินเท่านั้น