บิ๊กโจ๊ก ลงพื้นที่ สน.พระโขนง เรียกถก ผกก./พงส.ขอดูสำนวนการสอบสวน ลั่นจะทำให้เป็นคดีตัวอย่าง กรณีส่วยสติกเกอร์ รถบรรทุกน้ำหนักเกินใน กทม. เตรียมไล่สอบย้อนหลัง ทำไมไม่เจอสถิติจับกุมบรรทุกน้ำหนักเกิน จับแค่สิ่งของตกหล่น

จากกรณีที่รถบรรทุกดินตกบ่อการไฟฟ้าบริเวณถนนสุขุมวิท 64/1 จนถนนพังเสียหาย และสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่สัญจรไปมาเป็นวงกว้าง ก่อนที่ต่อมามีการพบว่ารถบรรทุกคันดังกล่าว มีสติกเกอร์รูปดาวสีเขียว อักษร B ติดอยู่ที่กระจกหน้ารถ จนมีการตั้งข้อสงสัยว่ารถดังกล่าวเกี่ยวข้องกับส่วยสติกเกอร์ตามที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคก้าวไกล ออกมาแฉว่ามีหน่วยงานรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ดังกล่าว แลกกับการให้รถบรรทุกเหล่านี้สามารถวิ่งนอกเวลาที่กฎหมายกำหนด และบรรทุกน้ำหนักเกินได้ ตามที่มีการนำเสนอไปแล้วนั้น 

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 ที่ สน.พระโขนง นายศักดิ์มงคล ทาสะโก หรือบอย อายุ 29 ปี คนขับรถบรรทุกคันเกิดเหตุเดินทางเข้าพบคณะพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง เพื่อให้ปากคำกรณีที่ขับรถบรรทุกดินตกบ่อร้อยสายไฟฟ้า ผู้สื่อข่าวพยายามเข้าไปสอบถามว่า รถที่บรรทุกดินออกมาได้มีการชั่งน้ำหนักมาก่อนหรือไม่ แต่นายบอยปฏิเสธไม่ตอบคำถาม และพยายามรีบเดินหลบกลุ่มผู้สื่อข่าวออกไปขึ้นไปชั้น 2 ก่อนตะโกนบอกสื่อมวลชนว่า ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ อีกแล้ว

...

ต่อมาเวลา 12.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าร่วมกับ พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ รรท.ผบก.น.5 พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.โอภาส หาญณรงค์ ผกก.สน.พระโขนง โดยก่อนเริ่มประชุม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ตนในฐานะที่ดูแลงานด้านการจราจร แต่วันนี้เดินทางมาเพื่อดูสำนวนการสอบสวนและจะทำให้เป็นคดีตัวอย่าง ในกรณีรถบรรทุกน้ำหนักเกินใน กทม. ซึ่งจะดูว่าบรรทุกน้ำหนักเกินเท่าไร หากน้ำหนักเกินมากศาลก็จะไปพิจารณายึดรถ ไม่สามารถนำมาใช้ประกอบอาชีพได้ และจะมาไล่ดูถึงตัวเจ้าของรถ ว่ารู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ว่ามีการบรรทุกเกินน้ำหนักที่กฎหมายกำหนด หากเจ้าของรู้เห็นเป็นใจก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วย 

ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการมาตักดินออกและนำกลับไปเทที่ไซต์งานโดยที่ยังไม่ได้ชั่ง นั่น ก็ต้องดูว่า รู้อยู่แล้วหรือไม่ว่าบรรทุกเกินแล้วรู้เห็นเป็นใจจะมาตักออก ถ้ารู้ก็มีความผิด ต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย อันนี้คือมาตรการทางคดีหลังเกิดเหตุ ต่อจากนี้จะดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ซ้ำ อันนี้คือการแก้ปัญหา จึงต้องมีการบูรณาการ ร่วมกับกรมทางหลวงเอาตราชั่งมาช่วย โดยจะมีการกวดขันในแต่ละ สน. โดยจะประสานกับ ผกก. และ ตร.จราจร ออกแผนตรวจสอบ ร่วมกับ กรมทางหลวง เพื่อตรวจสอบเรื่อง การตรวจสอบน้ำหนักของรถบรรทุก ตามไซต์งานก่อสร้างของพื้นที่ นั้นๆ ด้วย 

นอกจากนี้ในภาพรวม หลังจากนี้ในพื้นที่ กทม. จะมีการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด โดยรถบรรทุกที่จะวิ่งเข้ากรุงเทพฯ ต้องมีการชั่งน้ำหนัก รวมถึงรถบรรทุกที่ขนดินขนทรายเข้าออกใช้งานก่อสร้างใน กทม. ก็จะต้องมีการชั่งน้ำหนักด้วย ซึ่งน้ำหนักต้องไม่เกิน 

โรงพักในนครบาลไม่เหมือนกับที่ต่างจังหวัด คือไม่มีตราชั่ง จึงต้องมีการช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชา โดยการประสานกับกรมทางหลวง ให้นำตราชั่งออกมารวมถึงจะต้องดูเรื่อง ช่วงเวลาการวิ่งของรถบรรทุกด้วย เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร รวมถึงการวิ่งนอกเวลาที่กฎหมายกำหนด 

ส่วนประเด็นเรื่องส่วยสติกเกอร์เฉพาะกิจ ตามที่มีการออกมาเปิดเผยกันนั้น ก็จะต้องเข้าไปตรวจสอบว่ามีจริงหรือไม่ หากพบใครที่ละเมิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการหรือเจ้าหน้าที่เอง ก็ต้องถูกดำเนินคดี เบื้องต้นยังไม่ได้พูดคุยรายละเอียดกับผู้กำกับการ สน.พระโขนง แต่ตนได้ตรวจสอบสถิติการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินในกรุงเทพมหานครย้อนหลังไป พบว่าไม่มีการจับกุมเลย จับเพียงแค่สิ่งของตกหล่นเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่สร้างผลกระทบกับประชาชนมากกว่า คือการบรรทุกน้ำหนักเกิน ตนก็จะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ว่าสาเหตุใดที่ทำให้ไม่มีสถิติการจับกุมเลย

ภายหลังการประชุม 1 ชั่วโมง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า รถคันเกิดเหตุเป็นรถ 10 ล้อ มีประมาณ 3 เพลา น้ำหนักจะต้องไม่เกิน 25 ตัน ถ้าตรวจสอบพบว่าน้ำหนักเกินและดำเนินคดีแน่นอน คาดว่าไม่เกินช่วงเย็นวันนี้จะมีเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงพร้อมอุปกรณ์มาชั่ง เบื้องต้นได้แจ้งข้อหากับนายบอย 1 ข้อหา ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ส่วนทางแพ่งพนักงานสอบสวนจะดำเนินการเรียกผู้เสียหายทั้งหมดมาเจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้รับเหมา สิ่งสำคัญลำดับแรกที่จะต้องดำเนินการ คือการชั่งน้ำหนักรถบรรทุกทั้งหมดที่เดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร และกวดขันห้วงเวลารวมถึงเส้นทางการเดินรถเพื่อแก้ปัญหาจราจรติดขัดในพื้นที่ ซึ่งจะได้มีการประสานกับกรมทางหลวงให้ช่วยเอาตราชั่งออกมาตั้งในพื้นที่แต่ละ สน. รวมถึงหน้าไซต์งานก่อสร้างเพื่อตรวจน้ำหนักรถบรรทุกทุกคัน พร้อมเตรียมเชิญผู้ประกอบการรถบรรทุกทั้งหมดมาพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายรถบรรทุกด้วย

...

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตนจะทำให้เป็นคดีตัวอย่างเกี่ยวกับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ตั้งแต่การดำเนินคดีกับคนขับ ไล่ย้อนไปถึงเจ้าของว่าคือใคร รู้เห็นเป็นใจหรือไม่ รู้น้ำหนัก และวงรอบการวิ่งของรถไหม ซึ่งหากรู้เห็นไปใจก็จะดำเนินการกับเจ้าของด้วย ส่วนเหตุที่มีการขับรถบรรทุกที่ตักดินออกไปทั้งที่รู้ว่ารถบรรทุกมีน้ำหนักเกินนั้น ก็ถือว่าเป็นการกระทำความผิดร่วมกัน และเรื่องสติกเกอร์ จะต้องตรวจสอบอีกครั้งว่ามีหรือไม่ ซึ่งตนยังไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสติกเกอร์ “ตัว B” ที่ติดอยู่ด้านหน้ารถบรรทุก 

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เข้ามารับผิดชอบงานในส่วนนี้ ได้มีการดูสถิติย้อนหลังเกี่ยวกับการจับกุมรถบรรทุก พบว่าที่ผ่านมาไม่ได้มีการจับกุมรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน มีเพียงแต่การจับกุมรถบรรทุกที่ทำของตกหล่นบนท้องถนนเท่านั้น ซึ่งจากนี้ไปจะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ปล่อยไปไม่ได้อีกแล้ว