พ่อเด็กวอนขอความช่วยเหลือ ลูกสองคนเสียสติ หลังนั่งรถตู้กลับบ้าน ไม่ได้เรียนหนังสือ หมดอนาคต ด้าน สภ.แวงน้อย รับคดี "เด็กหญิง 13 ปี" ถูกข่มขืน สืบสวนสอบสวนเต็มที่ รวบรวมหลักฐานทุกมิติ ขณะที่ ผกก.(สอบสวน) บก.สส.บช.น. ลงพื้นที่ร่วมทำคดีด้วย ยังไม่จับ “น้าเดช” คนขับรถตู้ที่ถูกกล่าวหา ทำได้เพียงสอบสวนในฐานะพยาน ส่วนเด็กผู้หญิงยังให้การไม่ได้  

จากกรณี เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2566 คุณย่าของเด็กหญิง 13 ปี แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น กล่าวหาคนขับรถตู้ข่มขืนหลานสาวจนเสียสติ ซึ่งตำรวจ สภ.แวงน้อย ได้ส่งรถตู้พร้อมคนขับรถ ส่ง ศพฐ. 4 ขอนแก่น ตรวจเก็บหลักฐานและดีเอ็นเอ เบื้องต้นพบคราบสารเหลวสีแดงในรถตู้ แต่รอผลตรวจ 1 เดือน จึงจะสรุปได้ ส่วนสภาพจิตใจและอาการเสียสติของเด็กหญิง 13 ปีนั้น อยู่ระหว่างแพทย์ทำการรักษาและหาสาเหตุของการเกิดอาการ เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นมา 1 เดือน เด็กหญิงจึงมีอาการ ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ขอนแก่น ส่วน นายเดช คนขับรถตู้ ก็ยืนยันว่าไม่ได้ข่มขืนเด็กหญิง 13 ปี 

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 7 พ.ย.66 ที่ สภ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.สมมาตย์ มั่งไธสง ผกก.สภ.แวงน้อย ถึงความคืบหน้าทางคดี หลังจากส่งรถตู้พร้อม “น้าเดช” คนขับรถตู้ไปให้ ศพฐ.4 ขอนแก่น ตรวจเก็บหลักฐานในรถตู้ แล้วก็เก็บดีเอ็นเอ จากคนขับรถตู้ด้วยนั้น ในเบื้องต้นพบคราบสารเหลวสีแดง แต่ยังต้องตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ก่อนว่าคือคราบอะไร ซึ่งหลังจากน้าเดช ถูกเก็บดีเอ็นเอแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกตัวน้าเดชมาสอบปากคำ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย  เพราะเมื่อน้าเดชแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการขับรถตู้มาพบตำรวจ น้าเดชก็ต้องพร้อมที่จะให้สอบปากคำ ซึ่งจากการสอบสวน น้าเดช ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำการข่มขืนเด็กตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมกับมอบรายชื่อลูกค้าที่ใช้บริการในวันเดียวกันกับเด็กหญิงวัย 13 ปี คือวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ

...

ผกก.สภ.แวงน้อย กล่าวอีกว่า ล่าสุด พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) บก.สส.บช.น. พร้อมชุด pct5 และเจ้าหน้าที่กองบังคับการสืบสวนนครบาล ลงพื้นที่มาร่วมประชุมเร่งรัดดำเนินการทำการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน คดีเด็กถูกกระทำชำเรา ณ ห้องประชุม ศปก.สภ.แวงน้อย และได้ลงพื้นที่มาร่วมสืบสวนสอบสวนเก็บข้อมูลกับตำรวจ สภ.แวงน้อย โดยจะสอบสวนผู้โดยสารที่นั่งรถตู้คันเดียวกันในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ทุกคน

"ขณะนี้ คดีเด็กหญิง 13 ปี อยู่ในความดูแลของ สภ.แวงน้อย ทั้งหมด และแม้ว่าจะยังสอบปากคำเด็กหญิง 13 ปี ไม่ได้ และยังไม่ทราบจุดเกิดเหตุที่ชัดเจน แต่ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งสืบสวนสอบสวนพยาน เก็บหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และบูรณาการร่วมกันในทุกๆ ภาคส่วน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยในส่วนของคนขับรถตู้ น้าเดช ได้เดินทางมาพบตำรวจพร้อมกับนำรถตู้คันที่ใช้รับส่งผู้โดยสารในวันดังกล่าวมาพบกับพนักงานสอบสวน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งทางตำรวจก็ได้ทำการส่งตรวจที่ ศพฐ.4 ทันที เพื่อรวบรวมเป็นในส่วนของพยานหลักฐานในทุกมิติ ก่อนรวบรวมดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป"

ทั้งนี้ การสอบสวนคนขับรถตู้นั้น สอบสวนในฐานะพยาน เพราะขณะนี้ น้าเดช คนขับรถตู้ ยังไม่ใช่ผู้ถูกกล่าวหา จึงทำได้เพียงสอบปากคำในฐานะคนขับและเจ้าของรถตู้ สอบสวนเป็นพยานเหมือนผู้โดยสารในรถคนอื่นๆ และยังไม่มีการจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ เนื่องจากพยานหลักฐานยังไม่ชัดเจนเพียงพอในการดำเนินคดีกับคนขับรถตู้ เพราะจะต้องทำการสอบปากคำเด็กหญิง 13 ปี ให้ได้ก่อน จึงจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหา และจับกุมตัวได้ ส่วนของเด็กหญิง 13 ปีนั้น อยู่ในความดูแลของแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น อาการตอนนี้ยังไม่สามารถให้การได้ โดยแพทย์ได้ทำการตรวจเลือดและซีทีสแกน เพื่อรอผลตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยทางพนักงานสอบสวนจะรวบรวมเป็นข้อมูลหลักฐานในการประกอบสำนวนคดี

ส่วนการตรวจสอบในรถตู้ของ ศพฐ.4 ขอนแก่น เบื้องต้นที่ระบุว่าพบคราบของเหลวสีแดงในรถตู้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ และได้เร่งรัดขอผลสรุปในหลักฐานส่วนนี้ไป ซึ่งจะใช้เวลาในการตรวจประมาณ 1 เดือน ก็จะสรุปผลว่าคราบของเหลวสีแดงนั้นคือสารอะไร จากนั้นจึงจะส่งผลการตรวจให้กับทางพนักงานสอบสวน สภ.แวงน้อย รวบรวมเป็นหลักฐานในคดี

ขณะที่ นายตี๋ (นามสมมติ) อายุ 43 ปี พ่อของเด็กหญิง 13 ปี กล่าวว่า จริงอยู่เรื่องที่เกิดกับลูกสาวนั้น มันเกิดในช่วงที่ลูกสาวนั่งรถตู้ไปหาพ่อแม่ เมื่อคืนวันที่ 1 ตุลาคม 2566 แต่รถตู้ต้องส่งลูกสาวถึงพ่อแม่ไม่เกินตีห้าของวันที่ 2 ตุลาคม แต่รถตู้ส่งลูกสาวเกือบเที่ยงวัน มันจึงเป็นเรื่องที่ผิดปกติ และคาดคิดได้ว่าช่วงเวลาที่ล่วงเลยมานั้น มันน่าจะเกิดเหตุร้ายกับลูกสาวได้ แต่ในขณะที่ลูกสาวอยู่กับพ่อแม่ ลูกสาวไม่ได้บอกอะไรเลย พ่อแม่จึงไม่รู้ จนกระทั่งส่งลูกสาวกลับบ้าน เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 เพื่อไปเรียนหนังสือในช่วงเปิดเทอมเดือนพฤศจิกายน 2566 เมื่อลูกสาวกลับถึงบ้าน กลายเป็นคนเสียสติ สติแตก พูดเรื่องถูกข่มขืนให้ย่าฟัง และเอ่ยชื่อคนขับรถตู้เป็นคนทำ จึงพากันไปแจ้งความที่ สภ.แวงน้อย และ สน.บางกอกใหญ่  

"ในเรื่องถูกข่มขืน พ่อเข้าใจได้ตามที่แพทย์บอกว่า ลูกสาวถูกข่มขืนจริงแต่นานแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ทำไมลูกสาว และลูกชายที่นั่งรถตู้คันดังกล่าว กลับมาที่บ้าน จึงเสียสติ สติแตกทั้งพี่ทั้งน้อง จากการส่งตัวไปรพ.แวงน้อย ในเบื้องต้นหมอบอกว่าลูกสองคนโดนยา จึงอยากรู้ว่า ลูกสองคนโดนยาอะไร โดนได้อย่างไร ใครเป็นคนใส่ยาให้ลูกสองคน ซึ่งตอนนี้ลูกสาวที่ถูกคนขับรถตู้ข่มขืนก็เสียสติ สติแตก ส่วนลูกชายก็เสียสติ สติแตกเช่นกัน อาการเดียวกัน จึงวอนขอให้ตำรวจทำการสืบสวนสอบสวนควบคู่กันไปกับคดีข่มขืนลูกสาวด้วย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวขณะนี้คือรุนแรงมาก ลูกสองคนเสียสติ เสียอนาคต ไม่ได้ไปเรียนหนังสือ ไม่มีอนาคตที่ดีตามที่ตั้งใจไว้”

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงจัดชุดสืบสวนนครบาล นำโดย พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. กับชุดสืบสวน สืบนครบาล ประสานงานกับ พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ รรท.ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.คะเชนทร์ ยืนยง รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น  พ.ต.อ.สมมาตย์ มั่งไธสง ผกก.สภ.แวงน้อย และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.แวงน้อย ขอนแก่น ร่วมคลี่คลายคดีเด็กหญิงอายุ 13 ปี ถูกล่วงละเมิดทางเพศ

โดยชุดสืบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานทางคดีอย่างละเอียด ทุกประเด็น จากเส้นทางเดินทางจาก อำเภอแวงน้อย จ.ขอนแก่น ไปถึง เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ จะมีการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด และพยานผู้โดยสารบนรถตู้คันดังกล่าวทั้งหมด จึงขอความร่วมมือประชาสัมพันธ์หากผู้ใดเป็นผู้โดยสารรถตู้ XX -8316 กทม.ดังกล่าว ในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 รถออกจาก อ.แวงน้อย เวลา 18.00 น. เดินทางสู่ กทม. โปรดติดต่อสืบนครบาล ผ่านเพจ facebook สืบนครบาล IDMB ข้อมูลของท่านจะเป็นความลับของทางราชการ

ต่อมา เวลา 11.00 น.วันที่ 7 พ.ย. ที่รพ.ขอนแก่น นายสมเกียรติ หาแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียน แวงน้อยศึกษา พร้อมด้วยคณะครู เข้าเยี่ยมเด็กหญิงอายุ 13 ปี ที่ญาติเข้าแจ้งความเด็กถูกคนขับรถตู้ข่มขืนบนรถตู้ ขณะนั่งโดยสารจาก อ.แวงน้อย ไปกรุงเทพฯ เพื่อพบผู้ปกครองในช่วงปิดภาคเรียน แต่ทาง รพ.แจ้งว่ายังต้องตรวจร่างกายเด็ก และเจ้าตัวยังไม่พร้อมพบบุคคลใดนอกจากผู้ปกครอง 

...

นายสมเกียรติ กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวและข้อมูลในเบื้องต้นจึงทำการตรวจสอบ พบว่าเด็กหญิงที่ประสบเหตุ เป็นนักเรียนของโรงเรียน จึงได้ประสานผู้ปกครองและครอบครัว เพื่อเข้ามาเยี่ยมให้กำลังใจพ่อแม่และตัวน้อง ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงเปิดภาคเรียน จากการสอบถามครูประจำชั้น และเพื่อนร่วมชั้นเรียนทราบว่าน้อง เป็นคนขยันเรียนและเรียนหนังสือร่วมกับเพื่อนๆอย่างมีความสุข

"ในเรื่องการเรียน โรงเรียนจะดูแลนักเรียนอย่างเต็มที่ น้องต้องเรียนอย่างมีความสุขและเรียนทันเพื่อน จึงขอให้ครอบครัวไม่ต้องห่วงเรื่องการเรียน ส่วนการดูแลช่วยเหลือ การบำบัดทางจิตใจ โรงเรียนจะช่วยเหลือเต็มที่ ในส่วนที่สามารถช่วยได้"