คืนความเป็นธรรม "5 เสือ สภ.ช้างเผือก" หลังตรวจสอบไม่พบข้อบกพร่อง ปค.จับผับเถื่อนคืนฮาโลวีน พร้อมส่งตัวกลับเก้าอี้เดิม-สั่งปิดผับเด็ดขาด-ห้ามใช้ตัวอาคาร ด้าน "ผู้ว่าฯ เชียงใหม่" สั่งตรวจสอบหนังสือสั่งปิดฉาว ที่จังหวัดอ้างทำหาย ยืนยันฝ่ายปกครอง-ตำรวจท้องที่ไม่ได้ขัดแย้งกัน
จากกรณีเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกเข้าทำการตรวจค้นจับกุมร้านเลอเนิฟ สถานบันเทิงชื่อดัง ซึ่งตั้งอยู่ย่าน ถ.ศิรินธร ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเปิดสถานบันเทิงโดยไม่ได้รับอนุญาต และพบว่ามีการปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการกว่า 200 ราย รวมทั้งจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี และเปิดเกินเวลาที่กำหนด เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา จนมีคำสั่งเด้ง นายตำรวจ สภ.ช้างเผือก มาช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 ต่อมาทางตำรวจ สภ.ช้างเผือก ได้นำกำลังบุกเข้าตรวจสอบร้านประกอบการ ที่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองไปเลี้ยงฉลองกัน และจับกุมเด็กอายุต่ำกว่า 17 ปี ซึ่งอยู่ในสถานที่ดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นการเอาคืนฝ่ายปกครองพิเศษจากส่วนกลางโดยตำรวจท้องที่ จนมีการออกมาแถลงข่าวตอบโต้กันไปมา ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 66 ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีการแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดรายใหญ่ โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤษธาพล ยี่สาคร รักษาการ ผบช.ภาค 5 และนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวดังกล่าว
ต่อมา นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงกระแสความขัดแย้งดังกล่าวว่า วันที่เจ้าหน้าที่ปกครองพิเศษส่วนกลาง เข้าตรวจสอบจับกุมสถานบันเทิงในเขตรับผิดชอบของ สภ.ช้างเผือก นั้น ฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่และเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ สภ.ช้างเผือก ก็ไปร่วมกันตรวจสอบ ไม่ได้มีความขัดแย้งกันแต่ประการใด เป็นการทำงานกันเป็นทีม ไม่ได้มีความขัดแย้งกัน นี่คือความจริง
...
เมื่อถามถึงกรณีที่รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ได้ทำหนังสือชี้แจงถึงอธิบดีกรมการปกครอง เรื่องหนังสือเอกสารที่ทางตำรวจ สภ.ช้างเผือก เสนอปิดสถานบันเทิงในเขตรับผิดชอบที่กระทำผิดกฎหมาย แล้วทางจังหวัดออกมาอ้างว่า ได้ทำเอกสารหายเพราะมีการโยกย้ายห้องทำงานต่างๆนั้น ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนได้ข้อมูลมาจาก พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก ว่า เคยทำหนังสือส่งให้ทางจังหวัด เพื่อเสนอปิดสถานบันเทิงในเขตรับผิดชอบที่กระทำผิดกฎหมายถึงกว่า 30 แห่ง โดยเฉพาะสถานบันเทิงที่ถูกจับกุมล่าสุดนั้น ทำเรื่องเสนอปิดไปแล้วถึง 6 ครั้ง ตนจึงให้ไปตรวจสอบดูอีกครั้งว่า การเสนอปิดเกิดขึ้นเมื่อไร ทำไมตนถึงไม่เห็น ปรากฏว่าผลการตรวจสอบพบว่า ไม่ใช่ 2 ปีนี้ แต่เคยเสนอปิดสถานบันเทิงที่โดนจับกุมล่าสุดเมื่อปี 2563 ตนได้ให้ไปหาว่าเรื่องดังกล่าวไปถึงไหนอย่างไร เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมาย
"ปัจจุบันนี้สถานที่ถูกจับกุม คือ ร้านเลอเนิฟ ซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2566 วันนี้ตนได้เซ็นหนังสือสั่งปิดไปแล้ว ไม่ต้องรอตรวจสอบอะไรแล้วและห้ามใช้อาคารสถานที่ ตนในฐานะผู้ว่าฯ ได้ใช้อำนาจหน้าที่ที่อยู่ในกระบวนการนั้นแล้ว ตอนนี้ตามขั้นตอนของกฎหมายก็ให้เขาชี้แจงมาภายใน 15 วัน หลังจากนั้นหากไม่มีอะไร ก็ให้ดำเนินการสั่งปิดถาวร 5 ปี" ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ กล่าว
ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ กล่าวต่อ ส่วนเรื่องของนายอำเภอเมือง ที่ไปทำงานร่วมกันในวันนั้น ตนพบว่านายอำเภอและเจ้าหน้าที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ ไม่ได้มีข้อบกพร่องหรือมีการทุจริตในการเรียกรับหรือว่าไปจ่ายใต้โต๊ะอะไรกับใคร เราไม่ได้พบเหตุนั้น ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจท้องที่ ก็ไปทำงานร่วมกันและไปเจอเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เจอเหตุการณ์นั้นเป็นหลักไม่ได้เจอยาเสพติด และไม่มีเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดกฎหมายหรือบกพร่องแต่อย่างใด
ส่วนสถานประกอบการที่ฝ่ายปกครองพิเศษไปเลี้ยงฉลองกัน และปิดเกินเวลาจนตำรวจ สภ.ช้างเผือก ไปจับกุมนั้น ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ กล่าวว่า สถานประกอบการจุดนี้เป็นเพียงร้านอาหาร ที่เขามีการไปกินกันเองและคงไม่มีความผิดอะไร
ด้าน พล.ต.ต.กฤษธาพล ยี่สาคร รักษาการ ผบช.ภาค 5 กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก และฝ่ายปกครองพิเศษและจังหวัดเชียงใหม่ มีการจับกุมสถานบริการที่มีเด็กเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปกว่า 200 คน นั้น การทำงานตรวจสอบจับกุมสถานบริการและสถานบันเทิง ที่กระทำผิดกฎหมายนั้น เป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ เรื่องนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว โดยให้ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เป็นคนตั้ง และมีผลการสืบสวนมาแล้วว่า ทางตำรวจ สภ.ช้างเผือก ไม่มีความบกพร่อง ได้มีการตรวจตราดูแลและมีการจับกุมตลอด จนมีการเสนอสั่งปิดสถานบริการแห่งดังกล่าว
เมื่อทางตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ได้รายงานมาแล้วว่า ตำรวจ สภ.ช้างเผือก ไม่ได้มีความบกพร่อง ตนจึงสั่งการให้ทาง พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก กลับไปปฏิบัติหน้าที่ ที่ สภ.ช้างเผือก แล้ว วันนี้เรื่องกระแสข่าวความขัดแย้งระหว่างปกครองกับตำรวจนั้น ไม่มีอย่างสิ้นเชิง เราทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ
ขณะที่ทาง พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือกเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตนได้รับความเป็นธรรมกลับมาแล้ว ดีใจ ตนทำงานอย่างตรงไปตรงมา สถานบันเทิงหรือสถานประกอบการจุดไหนกระทำผิดกฎหมาย ตนได้เข้าดำเนินการและเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ปิดทันที รวมทั้งพวกลักลอบเปิดบ่อนและอบายมุขทุกประเภท ตนไม่ไว้หน้าอยู่แล้ว ซึ่งจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และสามารถชี้แจงได้ทุกเรื่อง ตนดีใจและภูมิใจที่ตนได้รับความเป็นธรรมในครั้งนี้ และถูกส่งตัวกลับมาปฏิบัติหน้าที่อย่างเดิม
...