"ปฏิบัติการล่าแก๊งทรชนค้าข้อมูล" หลัง ตร.ไซเบอร์ตามรวบโบรกเกอร์ประกันภัยชื่อดัง ขายข้อมูลลูกค้านับล้านรายชื่อให้แก่มิจฉาชีพ ขยายผลตามจับเพิ่มอีก 2 รายแรกเป็นโปรแกรมเมอร์ขายโปรแกรมสแกนใบหน้า ส่วนอีกรายเป็นแอดมินกลุ่มเฟซบุ๊กซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมยึดของกลางได้หลายรายการ ขณะที่ สคส.จะดําเนินการตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ว่ามีมาตรการป้องกันและถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ม.กําหนดหรือไม่

เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 66 พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ร่วมกันแถลงผลจับกุมโบรกเกอร์ของบริษัทประกันภัยชื่อดัง ลักลอบนำข้อมูลส่วนบุคคลนับล้านรายชื่อขายให้มิจฉาชีพ พร้อมจับกุมโปรแกรมเมอร์สร้างแอปพลิเคชันสแกนใบหน้าปลอม ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ถอนเงิน

โดย พล.ต.ท.ธนา กล่าวว่า ปัจจุบันแก๊งมิจฉาชีพมีวิธีการหลอกเหยื่อที่หลากหลาย โดยมักจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ มาอ้างเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากการขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาที่นําข้อมูลส่วนบุคคลขายต่อเครือข่ายธุรกิจสีเทากว่า 200 ล้านรายชื่อ เมื่อเดือน ก.ค. 2566 และผู้ต้องหา ซึ่งเป็นพ่อค้าคนกลางที่เคยซื้อขายอาหารเสริมยี่ห้อดัง โดยอ้างซื้อข้อมูลส่วนบุคคลมากกว่า 15 ล้านรายชื่อ และนํามาแบ่งขายให้แก่กลุ่ม Dark Web เมื่อเดือน ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา

สําหรับปฏิบัติการในครั้งนี้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้นํากําลังเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหารายสําคัญจํานวน 3 ราย ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จ.กาฬสินธุ์ และ จ.อุดรธานี โดยผู้ต้องหารายแรก คือ นายพศิน อายุ 41 ปี โบรกเกอร์บริษัทประกันภัยชื่อดัง ลักลอบนําข้อมูลส่วนบุคคลนับล้านรายชื่อ รวมถึงข้อมูลลูกค้าขายให้แก่มิจฉาชีพ ซึ่งผู้ต้องหารายนี้เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา เบื้องต้นแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

...

ส่วนผู้ต้องหารายที่สอง คือ นายณัฐพงษ์ อายุ 28 ปี โปรแกรมเมอร์ผู้ขายโปรแกรมสแกนใบหน้า ที่ช่วยในการปลดล็อกใบหน้าบนแอปฯ Mobile Banking ให้แก่มิจฉาชีพและกลุ่มเครือข่ายธุรกิจสีเทา กรณีที่มีการโอนเงินจํานวน 5 หมื่นบาท เบื้องต้นแจ้งข้อหา "ล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทําขึ้นเป็นการเฉพาะ นํามาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบฯ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่เกี่ยวข้อง"

ส่วนผู้ต้องหารายสุดท้าย คือ นายยอดชาย อายุ 24 ปี แอดมินกลุ่มเฟซบุ๊กซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลกว่า 15 ล้านรายชื่อ โดยการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย สามารถตรวจยึดของกลางได้หลายรายการ อาทิ โทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ สมุดบัญชีธนาคาร และเอกสารรายชื่อลูกค้ากว่า 300 แผ่น โดยผู้ต้องหาทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหา 2 คน ที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเชื่อว่ายังมีผู้กระทําความผิดเกี่ยวข้องอีกจํานวนมาก โดยทางตํารวจไซเบอร์จะดําเนินการสืบสวนขยายผล เพื่อติดตามจับกุมผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

ขณะที่ตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า การซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบนั้น ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และอาจเข้าข่ายความผิดทางอาญา นอกจากนี้ผู้ซื้อก็ถือว่าเข้าข่ายเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช้เจ้าของข้อมูลอีกด้วย โดยหลังจากนี้ทาง สคส.จะดําเนินการตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ว่ามีมาตรการป้องกันและถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกําหนดหรือไม่ และจะตั้งคณะทํางานเพื่อดูแลในเรื่องนี้โดยเฉพาะ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตํารวจเพื่อปราบปรามและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนต่อไป.