"เพจสายไหม" พาสาวร้อง "บิ๊กโจ๊ก" หลังถูกผัวเมียเจ้าของร้านอาหารชื่อดัง ย่านพุทธมณฑล อ้างบุญคุณไม่จ่ายค่าแรง-ทรมานนานนับปี แถมเบ่งรู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ขู่ห้ามนำเรื่องไปบอกคนอื่น   

เมื่อวันที่ 25 ต.ค.66 ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 21 ปี ผู้เสียหาย กรณีถูกนายจ้างผัวเมียเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านพุทธมณฑล ทำร้ายร่างกายนานนับปี เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรีฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายจ้าง

โดย น.ส.เอ กล่าวว่า ตนเคยทำงานที่ร้านอาหารแห่งนี้มาหนึ่งครั้งเมื่อตอนอายุ 16 ปี ผ่านคำแนะนำจากรุ่นพี่ หลังจากนั้นลาออกกลับไปทำงานใหม่เมื่อตอนอายุ 17 ปี จนถึงปัจจุบัน แต่เพื่อนร่วมงานลาออกไปหมดแล้วเหลือตนเพียงคนเดียว เพิ่งถูกทำร้ายร่างกายอย่างหนักในช่วงรอบปีที่ผ่าน ต้องทำทุกอย่างเพียงคนเดียว ตั้งแต่เปิดร้าน เสิร์ฟอาหาร ล้างจาน จนกระทั่งเก็บร้าน บางวันต้องตื่นตั้งแต่ 08.00 น. เพื่อมาจัดร้าน ได้นอนวันละ 3-4 ชั่วโมง และต้องนอนในห้องครัว ไม่มีหมอนให้ ต้องใช้ขวดน้ำมาหนุนแทน นอกจากนี้ จะได้กินข้าววันละ 1 มื้อกับไข่ บางวันหากลูกค้าเหลือเศษอาหารจะแอบเอามากิน เจ้าของร้านทราบจะถูกทำร้ายร่างกาย ไม่เคยได้รับเงินค่าจ้างเลยแม้แต่บาทเดียว รับเงินครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงปีใหม่ เป็นเงินแต๊ะเอีย 50 บาท

น.ส.เอ เปิดเผยต่อว่า หากวันไหนเจ้าของร้านบอกว่าเธอทำตัวไม่ดีจะถูกลงโทษหลายวิธี อาทิเช่น โดนสาดด้วยน้ำร้อน สั่งแลบลิ้นจุดแก๊สกระป๋องเผาปาก สายไฟรัดคอจนสลบ เตะให้ฟื้นแล้วรัดคอซ้ำ จุดไฟเผาร่างกาย ใช้มีดฟันปากและตามร่างกาย จุดแก๊สกระป๋องเผาอวัยวะเพศ จนทำให้ทั่วทั้งร่างกายของตนมีรอยแผลเป็นเต็มไปหมด ที่ผ่านมาตนเคยขอร้องว่าอย่าทำร้าย แต่เจ้าของร้านจะอ้างว่าตนต้องรับผิดชอบเพราะลูกค้าติติงมา ที่ผ่านมาตนเคยคิดสั้นถึงขั้นจะฆ่าตัวตายแต่ก็เป็นห่วงลูก ล้มเลิกความคิด ตลอดเวลาที่ผ่านมา เคยมีลูกค้าถามว่าไปโดนอะไรมา ตนก็เลี่ยงตอบไปว่าประสบอุบัติเหตุเอง เพราะเจ้าของร้านสั่งไว้ว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร

...

น.ส.เอ เปิดเผยอีกว่า ส่วนเหตุผลที่ตนต้องทนอยู่นั้น เป็นเพราะว่าเมื่อช่วงอายุ 17 ปี ที่ตนกลับมาทำงานที่ร้านนี้อีกครั้งนั้น ตนตั้งครรภ์และคลอดลูก ทางร้านอาสาจะดูแลค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดในตอนคลอดใช้เงิน 10,000 บาท นอกจากนี้ พ่อของตนเคยประสบอุบัติเหตุขาหัก เจ้าของร้านก็เข้าไปดูแลรักษาค่าพยาบาลให้จนหายดี และเจ้าของร้านยังไปแจ้งความจับสามีตนข้อหาพรากผู้เยาว์ เพราะตอนนั้นที่ตนตั้งครรภ์ยังอายุเพียง 17 ปี ปัจจุบันสามีพ้นโทษออกมาแล้ว ส่วนลูกของตนเจ้าของร้านแนะนำว่าให้เอาไปฝากให้ไว้กับมูลนิธิแห่งหนึ่ง เพราะถ้าหากเลี้ยงเองจะไม่สามารถดูแลเลี้ยงลูกได้ ด้วยความที่ตอนนั้นยังเด็กจึงเชื่อ ซึ่งตนเจอลูกครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปีก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าของร้านไม่เคยพาลูกมาเจอ ตนอยากเจอลูก แต่ไม่มีเงินเป็นค่าเดินทาง

น.ส.เอ กล่าวอีกว่า ครั้งหนึ่งตำรวจมาตรวจแถวร้านเคยเล่าเรื่องนี้ให้ตำรวจฟัง แต่พอตำรวจไปคุยกับเจ้าของร้าน พอกลับออกมาตำรวจคนนั้นกลับมาต่อว่าตนโกหก บาดแผลที่เห็นนั้นเกิดจากตนทำร้ายร่างกายตัวเอง พร้อมกับบอกว่าเจ้าของร้านมีบุญคุณ เคยช่วยพ่อและเคยช่วยลูกของตนไว้ จำไม่ได้เลยเหรอ ตนเคยคิดที่จะแจ้งความ แต่เจ้าของร้านอ้างว่ารู้จักกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ทำให้ตนเกิดความหวาดกลัว จึงหลบหนีออกมาเมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อมาร้องขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด

ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า ผู้เสียหายหลบหนีออกจากร้านหลังถูกสามีภรรยาเจ้าของร้านทำร้ายร่างกายนานนับปีจนเกือบพิการ มีแผลทั้งตัว โดนสาดน้ำร้อน สั่งแลบลิ้นจุดแก๊สกระป๋องเผาปาก สายไฟรัดคอจนสลบ จากนั้นเตะให้ฟื้นแล้วรัดคอซ้ำ จุดไฟเผาร่างกาย ใช้มีดฟันปากและตามร่างกาย จุดแก๊สกระป๋องเผาอวัยวะ
เพศ ฯลฯ ทนไม่ไหวจึงตัดสินใจปืนหลังคาร้านหลบหนีออกมา เพื่อขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี แต่กลัวความไม่ปลอดภัยและไม่กล้าเข้าแจ้งความ เนื่องจากเจ๊เจ้าของร้านอ้างสนิทกับผู้กำกับ สน.ในพื้นที่ นอกจากนี้เจ๊เจ้าของร้านยังรับราชการ พ่อเป็นตำรวจ แม่เป็นทหาร เมื่อหลบหนีออกมาพ่อผู้เสียหายจึงพาลูกสาวร้องขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด จากการสอบถามเบื้องต้น พบว่าสาเหตุที่ถูกทำร้าย
เนื่องจากน้องหิว เพราะได้กินข้าวกับไข่เพียงวันละ 1 มื้อเท่านั้น ทุกวันได้นอนวันละ 3-4 ชม. เนื่องจากร้านเปิด 11 โมง และปิดเที่ยงคืน น้องต้องเก็บและทำความสะอาดร้านคนเดียวจนถึงตี 4 ตี 5 บางวันก็ถึง 6 โมงเช้า และต้องตื่นตอน 9 โมง เพื่อมาเตรียมจัดร้าน ทำให้บางวันรู้สึกหิว จึงแอบกินเศษอาหารที่ลูกค้ากินเหลือ เมื่อถูกจับได้จึงโดนลงโทษด้วยการเผาปาก น้องทำงานไม่เคยได้ค่าแรง ทำให้ไม่มีเงินติดตัวที่จะไปซื้ออะไรได้เลย โดยเจ้าของร้านอ้างว่าเคยจ่ายค่าคลอดลูกและค่ารักษาพ่อน้องหลังประสบอุบัติเหตุเป็นเงินหลายหมื่นบาท ทั้งนี้ลูกไปอยู่กับมูลนิธิแห่งหนึ่ง พ่อเด็กไม่ได้อยู่ด้วยกัน เจ้าของร้านอาหารแจ้งความคดีพรากผู้เยาว์ ส่วนเรื่องที่นอนมีเพียงขวดน้ำหนุนหัว และผ้าห่มเก่าเท่านั้น

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า กรณีดังกล่าวตนได้ทราบเรื่องแล้วว่าเจ้าของพื้นที่ที่รับผิดชอบ คือ สน.ภาษีเจริญ และเรื่องนี้ไม่มีอะไรที่ซับซ้อน หลังจากนี้จะเรียก ผกก.สน.ภาษีเจริญ เข้ามาพูดคุย ร่วมสอบปากคำผู้เสียหาย หาหลักฐานร่วมกับชุดสืบสวนสอบสวนของตน และกระทรวงแรงงาน จะขออนุมัติศาลออกหมายจับให้ได้โดยเร็ว ส่วนเจ้าของร้านนั้นเบื้องต้นยังไม่พบข้อมูลว่ามีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่แต่อย่างใด เป็นเพียงแค่เจ้าของร้านอาหารทั่วไป อยากฝากขอให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบอะไรที่ไม่ดีให้แจ้งตำรวจในพื้นที่