“บิ๊กโจ๊ก” ฟัน ม.157 เอาผิด 14 ตำรวจเอี่ยวงานเลี้ยงคืนสังหาร “สารวัตรศิว” บ้านกำนันนก หลังละเว้นหน้าที่ไม่ช่วยผู้ตายขณะเกิดเหตุ คำให้การขัดแย้งภาพวงจรปิด “ผกก.พญาไท” จ่อโดนให้การเท็จซ้ำอีกข้อหา ก่อนโอนคดีให้กองปราบปรามรับไม้ต่อ พร้อมเดินหน้าประสาน ปปง. ป.ป.ช. และ สตง. ลุยล้างเส้นทางการเงิน-ภาษี ขณะที่พ่อเมืองนครปฐมสั่งปลดกำนันนกพ้นตำแหน่ง กก.ตร.แล้ว ด้านดีเอสไอทยอยเรียก 58 บริษัทสอบขบวนการฮั้วประมูล เพื่อน นรต.ร่วมอาลัยเผาศพ ผกก.เบิ้ม

ชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีเดินหน้าเอาผิดตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์คืนสังหาร พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สว.ศิว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล คางานเลี้ยงบ้านกำนันนก หรือนายประวีณ จันทร์คล้าย อายุ 35 ปี อดีตกำนันตำบลตาก้อง อ.เมืองนครปฐม เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังดำเนินคดีตำรวจชุดแรกไปก่อน 6 นาย ที่ช่วยพากำนันนกและมือปืนหลบหนี ส่วนที่เหลืออีก 20 คน คณะทำงานทยอยเรียกมาให้ปากคำเพิ่มเติม หลังคำให้การตอนแรกขัดแย้งกับเหตุการณ์ในภาพวงจรปิดที่กู้มาจากเซิร์ฟเวอร์ บางคนถูกเรียกมาสอบหลายรอบ โดยมีตำรวจอยู่ในข่ายถูกแจ้งข้อหาอีกหลายนาย

เรียก ตร.-พลเรือนเอาผิดเพิ่ม

ความคืบหน้าในการดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องเหตุการณ์ฆ่าสารวัตรทางหลวง ตั้งแต่เช้าวันที่ 17 ก.ย. คณะทำงานชุดคลี่คลายคดีที่มี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าร่วมประชุมทีมสืบสวนสอบสวนทั้งหมดที่ห้องประชุมเสสะเวช กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (บช.ภ.7) เพื่อสรุปรายชื่อ ตำรวจและพลเรือนที่ให้การไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคลิปวงจรปิดภายในบ้านกำนันนกที่กู้มาได้แล้ว 13 ตัว เหลืออีก 2 ตัว ตัวแรกไม่ได้เปิดใช้งาน อีกตัวอยู่ในจุดก่อเหตุบริเวณโต๊ะจีนและกำนันนกเป็นคนกดสวิตช์ปิดก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มขึ้น เบื้องต้นมีตำรวจที่จะถูกเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาหลายนาย รวมถึงพลเรือนที่เป็นลูกน้องของกำนันนก ทั้งนี้ชุดคลี่คลายจะนำเสนอ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พิจารณาเรียกต่อไป

...

สอบช่างวงจรปิดบ้านกำนันนก

มีรายงานว่าพนักงานสอบสวนเชิญช่างติดตั้งกล้องวงจรปิดจากร้านแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม ที่มีความชำนาญและเป็นผู้เดินสายกล้องวงจรปิดให้กับบ้านกำนันนกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับกล้องวงจรปิดที่ติดในบ้านไม่ว่าจะเป็นระบบของเซิร์ฟเวอร์ที่มีการบันทึกภาพรวมถึงการติดตั้งตามจุดต่างๆ เบื้องต้นทราบว่าเดิมมีกล้องวงจรปิดอยู่ 8 ตัวแต่เสีย 2 ตัว ทางร้านเข้าไปติดเพิ่มเป็น 7 ตัว รวมเป็น 15 ตัว มีการรองรับภาพด้วยระบบแลนและส่งสัญญาณภาพกล้องมาที่เครื่องบันทึก บางช่วงใช้ระบบไร้สาย ทั้งนี้มีการสอบถามข้อมูลช่างเกี่ยวกับการปิดสวิตช์ว่าถ้าผู้ที่ไม่มีความชำนาญจะปิดได้หรือไม่ หรือเครื่องบาง รุ่นเป็นการปิดสวิตช์หรือเป็นการดึงสายออกจากกล้อง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีใครทราบว่ากล้อง 2 ตัวที่อ้างว่าไม่ได้บันทึกภาพหรือถูกปิดสวิตช์นั้น สามารถเปิดภาพได้หรือไม่

ตร.ผิดมาตรา 157 รวม 14 นาย

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีตำรวจในคดีฆ่า สว.ศิว เพิ่มเติมว่า จากการประชุมสรุปผลการตรวจสอบภาพวงจรปิดประกอบสำนวนคำให้การของตำรวจทุกนายที่เข้าร่วมงานเลี้ยงและประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ ทำให้สรุปได้ว่ามีข้าราชการตำรวจที่เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 และความผิดให้การเท็จ ต่อพนักงานสอบสวน โดยไม่ละอายใจต่อเกียรติภูมิความเป็นตำรวจ จึงต้องดำเนินคดีกับตำรวจทุกนายที่มีพฤติกรรมกระทำผิด จากการตรวจสอบพบมีตำรวจ 14 นายเข้าข่ายทำผิด

ผกก.พญาไทจ่อโดนให้การเท็จซ้ำ

รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า กลุ่มตำรวจที่มีความผิดคือพวกที่ไม่ให้ความช่วยเหลือสารวัตรศิว หรือพ.ต.ต.ศิวกร สายบัว ที่เสียชีวิต และ พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. ที่ถูกยิงบาดเจ็บ อาทิ พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผกก.สน.พญาไท ถูกดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ส่วนข้อหาแจ้งความเท็จหรือให้การเท็จนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา รวมถึงผู้กำกับเบิ้ม หรือพ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. ที่ยิงตัวตาย ก็ต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากเสียชีวิตไปแล้วพนักงานสอบสวนจะระบุท้ายสำนวนว่าเสียชีวิตแล้ว ส่วน พ.ต.ท.วศิน ผู้บาดเจ็บก่อนหน้านี้มีรายงานว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาฐานแจ้งความเท็จ แต่ล่าสุดจากการตรวจสอบสำนวนคำให้การและภาพประกอบวงจรปิดพบว่าคำให้การนั้นตรงกันและอยู่ในฐานะผู้เสียหาย ทำให้รอดไม่ถูกดำเนินคดี

มอบให้ บช.ก.จัดทีมแจ้งข้อหา

“การแจ้งข้อกล่าวหาตำรวจทั้ง 14 นาย เป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) ส่วนนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. มอบหมายให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เป็นหัวหน้าชุด ในการแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งนี้ โดยจะเรียกตำรวจทั้ง 14 นายให้มารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันนี้ที่ บช.ภ.7” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว

เปิดชื่อ 14 ตำรวจถูกดำเนินคดี

สำหรับตำรวจที่ถูกดำเนินคดีทั้ง 14 นาย ประกอบด้วย 1.พ.ต.อ.ภาณุทัต เหลืองสัจจกุล กก.สส.ภ.จ.นครปฐม 2.พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผกก.สน.พญาไท 3.จ.ส.ต.พิสิฐ ชิวปรีชา ผบ.หมู่ ส.ทล. กก.2 4.ร.ต.อ.นุชิต บรรณชัย รอง สว.ปทส.5 5.จ.ส.ต.อภิรักษ์ โรจน์พวง ผบ.หมู่ กก.5ปคม. 6.ส.ต.ท.สุทธิกานต์ แซ่ล้อ ผบ.หมู่ คฝ.ภ.จ.นครปฐม 7.ส.ต.ต.ธนทัต ท่าน้ำตื้น ผบ.หมู่ คฝ.ภ.จ.นครปฐม 8.ร.ต.อ.ประสมมาศ แสงสุขมี รอง สว.จร.สภ.กำแพงแสน 9.ด.ต.ถนอม ศักดิ์มีศรี ผบ.หมู่ สภ.สามควายเผือก 10.ส.ต.ต.สรรเสริญ ศรีอุบล ผบ.หมู่ คฝ.ภ.จ.นครปฐม 11.ด.ต.สมโชค บัวไชย บก.สส. ภาค 7 12.ร.ต.อ.จตุรวิทย์ ชวาลเกียรติธนา รอง สวป.สภ.เมืองนครปฐม 13.ร.ต.ท.มนัส จันทร์มีทรัพย์ รอง สว.จร.สภ.นครชัยศรี และ 14.ร.ต.อ.ศิริชัย รูปสวย สังกัด บก.ป.

“รองวศิน” กับพวก 6 นายรอด

ส่วนตำรวจที่รอดถูกดำเนินคดีมี 7 นาย หลังเข้าไปช่วยเหลือ พ.ต.ต.ศิวกร กับ พ.ต.ท.วศิน ประกอบด้วย 1.ด.ต.ชนาณัฐ วุฒิยากร ผบ.หมู่ บก.ทล. 2.ด.ต.สราวุฒิ เชียงทอง สทล.1 กก.2 3.จ.ส.ต.เมทิศกร พันธ์ศรีจันทร์ ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. 4.พ.ต.ต.ณรงค์ พิทักษ์ฉนวน สว.ฝอ.กก. 2 บก.ทล. 5.จ.ส.ต.ทศพร แซ่อึ้ง ผบ.หมู่ บก.ทล. 6.พ.ต.ท.ภทร วรญาวิสุทธิ์ สว.สภ.สระยายโสม จ.สุพรรณบุรี และ 7.พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. (ผู้บาดเจ็บ)

...

โอนสำนวนคดีให้กองปราบฯทำ

ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าชุดแจ้งข้อกล่าวหาตำรวจ 14 นาย ให้สัมภาษณ์ที่ บช.ภ. 7 ว่า ขณะนี้ได้ รับโอนคดีเหตุการณ์ยิงสารวัตรศิวมาให้กองปราบปรามแล้ว สำหรับสำนวนคดีกรณีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมอยู่ในงานวันเกิดเหตุและอยู่ในเหตุการณ์ยิงกันด้วยนั้น สำนวนเดิมแต่ละสำนวนยังไม่ครบถ้วน อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆเพิ่มเติม โดยเฉพาะพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ต้องค่อยๆ ดูในรายละเอียดอย่างรอบคอบให้ครบถ้วนว่าวันเกิดเหตุเกิดอะไรขึ้นบ้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจทำอะไรกันบ้าง คำให้การในชั้นแรกจะมีข้อเท็จจริงอย่างไร จริงหรือเท็จ มองว่าบางรายให้การในส่วนที่ตนรับรู้รับทราบ แต่ภายหลังได้ให้การเพิ่มเติมในส่วนข้อเท็จจริงก็อาจไม่เข้าข่ายให้การเท็จ ต้องตรวจสอบดูอย่างละเอียดในแต่ละรายไป เช่น บางรายให้การในชั้นสอบสวนครั้งแรกว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย แต่ภายหลังมาให้การเพิ่มเติมกลับบอกว่ามองเห็นจากเหตุการณ์หรือพิสูจน์ได้จากกล้องวงจรปิด ก็อาจจะเข้าข่ายให้การเท็จได้

...

“ผกก.ติ่ง” ให้การเป็นประโยชน์

พ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า กรณีของ พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผกก.สน.พญาไท ที่มีกระแสว่าให้การไม่ตรงกันนั้น ทีมคณะสอบสวนคงต้องตรวจสอบในข้อเท็จจริงอย่างละเอียด ต้องตรวจสอบคำให้การตั้งแต่วันแรกที่ให้การกับชุดสอบสวน สภ.เมืองนครปฐมว่าให้การอย่างไร ครบถ้วนหรือไม่ ตามรายละเอียดพบว่าได้ให้การในชั้นสอบสวน ครั้งแรกเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก ไม่ได้ปิดบังเรื่องใด บางครั้งคำให้การของ ผกก.พญาไทอาจเกิดจากมุมที่ไม่ได้รับรู้ ก็อาจไม่เข้าข่ายว่าให้การเท็จ คณะทำงานอยู่ระหว่างการพิจารณาตรวจสอบพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดให้ละเอียดและพยานหลักฐานต่างๆทุกอย่างเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ทีมสอบสวนจะให้ความเป็นธรรมกับตำรวจทุกนายที่อยู่ในเหตุการณ์ กรณี ผกก.สน.พญาไท เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่าได้บอกลูกน้องให้เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 รายนั้น รายละเอียดเรื่องนี้คงต้องขอให้อยู่ในสำนวนคดี

ผิดละเว้นต้องดำเนินคดีทันที

รอง ผบก.ป. กล่าวอีกว่า การดำเนินคดีกับตำรวจที่อยู่ในวันเกิดเหตุและขณะเกิดเหตุจะถูกดำเนินคดีอย่างไรบ้างนั้น คงต้องรอคณะทำงานตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคำให้การจากพยานบุคคลต่างๆ รวมถึงพยานจากกล้องวงจรปิด แต่ละรายอาจจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ต้องแยกแยะแต่ละรายแต่ละข้อเท็จจริงออกมา ส่วนรายที่พบว่ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ชัดเจนต้องถูกดำเนินคดีในทันที กรณี จ.ส.ต.พิสิฐ ชิวปรีชา หลานกำนันนก ถูกเรียกมาสอบสวนตั้งแต่ต้น ส่วนพลเรือนที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ถูกแจ้งข้อหาไปแล้ว ได้แก่ แม่บ้านของกำนันนก 3 ราย นายเก่ง คนนำปืนไปฝัง และนายโบ๊ท คนนำเซิร์ฟเวอร์ไปทิ้ง ส่วนนายเด้งและนายต๋อง ถูกดำเนินคดีในส่วนของครอบครองอาวุธปืน ทั้งนี้คณะทำงานที่ประกอบไปด้วย บช.ก. บช.ภ.7 บก. ภ.จ.นครปฐม บก.ป. กก.สส.ภ.7 และ สภ.เมืองนครปฐม จะร่วมกันสืบสวนสอบสวนอย่างรัดกุมที่สุด

...

สั่งปลด “กำนันนก” พ้น กก.ตร.

ส่วนกรณีนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ที่ดำรงตำแหน่ง กก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศาสนาหรือวัฒนธรรมของ จ.นครปฐม ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมีรายงานว่า นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผวจ.นครปฐม ประธานกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดนครปฐม มีหนังสือสั่งการลงวันที่ 11 ก.ย.2566 ที่ผ่านมา ให้นายประวีณ หรือกำนันนก พ้นจากตำแหน่ง กก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศาสนาหรือวัฒนธรรม เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดำเนินคดีในความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่น

เพื่อน นรต.อาลัยเผา “ผกก.เบิ้ม”

ที่วัดใหญ่ท่าเสา ต.ท่าเสา อ.เมืองอุตรดิตถ์ เวลา 14.00 น.วันเดียวกัน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. เป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือผู้กำกับเบิ้ม ผกก.2 บก.ทล. ที่ยิงตัวตายภายในบ้านแถวคูคต จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา จากความเครียดกรณี พ.ต.ต. ศิวกร ผู้ใต้บังคับบัญชาถูกยิงเสียชีวิตภายในงานเลี้ยงบ้านกำนันนก มีพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล. นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล รอง ผวจ.อุตรดิตถ์ นายตำรวจระดับสูง เพื่อนนักเรียน นรต.ที่ 55 ครอบครัวและญาติร่วมไว้อาลัย บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า

ตั้งกองทุนช่วยเหลือครอบครัว

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เปิดเผยว่า วันนี้มาในฐานะพ.ต.อ.วชิราเป็นน้องที่ทำงานกันมานาน และเพื่อเป็นเกียรติแก่ ผกก.เบิ้มและครอบครัว ที่ผ่านมาพวก เราอยู่กันแบบพี่น้อง จากนี้เราจะดูแลครอบครัวของเบิ้มไปตลอด ขณะนี้ได้ตั้งกองทุนไว้ดูแลและไม่ใช่แค่เบิ้มเพียงคนเดียว กองทุนนี้จะดูแลพี่น้องตำรวจคนอื่นๆเพื่อองค์กรด้วย ขอให้ดูคนที่มาร่วมงานฌาปนกิจมีจำนวนมาก เพราะ ผกก.เบิ้มเป็นคนน่ารัก ที่ผ่านมาเบิ้มมีภารกิจพิเศษที่ไม่มีใครรู้อีกมาก ถือเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับงานมาก

พ่อร่ำไห้สูญเสียลูกชายนักรบ

ด้าน พ.อ.วินัย ยาวไทยสงค์ บิดา ผกก.เบิ้ม กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า เบิ้มเป็นสิ่งที่มีค่ามากของครอบครัว รวมทั้งญาติพี่น้องทุกคน ที่ผ่านมาลูกเป็นตำรวจที่เสียสละอย่างมาก รู้สึกภาคภูมิใจในตัวลูกชายมาก หลังเกิดเหตุรู้สึกเจ็บปวดที่สุดที่เบิ้มมาเสียชีวิตแบบนี้ ร้องไห้ทุกวันเพราะเขาเป็นแก้วตาดวงใจ ตนเคยเป็นนายทหารมาก่อนและสร้างลูกชายเป็นนักรบที่เก่งกาจสามารถในทุกสิ่งทุกอย่าง นี่คือความภาคภูมิใจที่สุด หากเกิดใหม่ขอให้เราได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อแม่ เป็นครอบครัวเดียวกันเช่นนี้อีก ขอให้ลูกชายไปเกิดในภพภูมิที่ดี

ลุยเช็กเส้นทางการเงิน-ภาษี

ต่อมา เวลา 17.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังเรียกประชุมตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนที่ห้องประชุมเสสะเวช บช.ภ.7 ว่า จากที่ได้ดูกล้องวงจรปิดทั้งหมดพบว่าคำให้การของตำรวจขัดแย้งกับข้อเท็จจริงในวงจรปิดจนนำไปสู่การสอบสวน และส่งสำนวนให้กับกองปราบปราม วันพรุ่งนี้ (18 ก.ย.) คณะสอบสวนของ กองปราบฯจะร่วมพิจารณา การทำหน้าที่ต้องแยกกัน การสืบสวนขยายผลจะประชุมร่วมกับ สตง. ป.ป.ช. และ ปปง. จะต้องแยกดูเรื่องการขยายผลเส้นทางการเงินว่าร่ำรวยผิดปกติ มีการเลี่ยงภาษีหรือไม่ เรื่อง การได้สัญญาโครงการต่างๆ จะทำร่วมกับภาค 7 ณ ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาใครทั้งสิ้น

14 ตร.รับทราบข้อหาที่ บก.ป.

รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า วันนี้อำนาจในส่วน ของตนดูแลเรื่องของการสืบสวน วันนี้สืบสวนแล้ว แต่การแจ้งข้อหาเป็นอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพราะโอนคดีไปแล้ว ตนจะทำในเรื่องของการขยายเส้นทางการเงิน โดยใช้มาตรการยึด ทรัพย์ต่างๆ สำนวนเรื่องกำนันนก ไม่ว่าจะเป็นคดีฆ่า พยายามฆ่า และตำรวจทุจริตต่อการปฏิบัติหน้าที่จะแยกไปที่กองปราบฯในวันพรุ่งนี้ (18 ก.ย.) ผบ.ตร.จะหารือกับตำรวจสอบสวนกลาง ผบ.ตร.สั่งการให้แจ้งข้อหากับตำรวจ 14 นาย ที่กองปราบฯไม่ให้แจ้ง ข้อหาที่ภาค 7 เนื่องจากมีการแยกกันทำงานเรื่อง การสืบสวนก็ทำไปเพื่อสนับสนุนข้อมูลไปยังกองปราบฯ แต่อำนาจการพิจารณาไม่ใช่อำนาจของภาค 7 ส่วนจะแจ้งใครบ้างต้องไปเอาข้อมูลที่กองปราบฯ

แยกคดีฆ่า-ตร.ประพฤติผิด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนแยกกันเป็น 2 คดี คือ 1.คดีฆ่าสารวัตรศิวมีผู้ต้องหา ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 คน คือ นายธนัญชัย หรือหน่อง หมั่นมาก มือปืนโดนข้อหาฆ่าผู้อื่น นายประวีณ หรือ กำนันนก ให้การสนับสนุน และมีบุคคลที่เกี่ยวข้อง 5 คน ที่ร่วมกันทำลายหลักฐานต่างๆ และ 2.คดีทุจริต ประพฤติโดยมิชอบมีผู้ต้องหาเป็นตำรวจ 6 คน ส่วน ผกก.สน.พญาไท จะให้การเท็จหรือไม่ต้องพิจารณาจากข้อมูลเดิมที่ให้การไว้ เช่น หากให้การไม่ครบถ้วนและให้การเพิ่มภายหลัง ไม่ได้เรียกว่าการให้การเท็จ แต่หากตอนแรกบอกว่าเห็น แต่บอกอีกครั้งว่าไม่เห็น แบบนี้ชัดเจนว่าให้การเท็จ ผกก.สน.พญาไท ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก แต่จะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหรือไม่มันเป็นแค่ปลีกย่อย

เผยเส้นทาง กก.ตร.กำนันนก

ส่วนกรณีกำนันนกถูกปลดจาก กก.ตร.ภ.จ.นครปฐมนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า เรื่องนี้ ผวจ. นครปฐมสั่งปลดไปแล้ว คาดว่ากำนันนกน่าจะได้รับ การเสนอจาก ผบก.ภ.จ.นครปฐม ไปเป็น กก.ตร. แต่เมื่อเกิดเรื่องจึงได้เซ็นยกเลิกไป เดิมเคยดำรงตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนาและวัฒนธรรม คิดว่าตำรวจ ภูธรจังหวัดนครปฐมเป็นคนคัดสรร เป็นไปได้ว่าอาจ จะรู้จักกับ ผบก.ภ.จ.นครปฐมถ้าไม่รู้จักกันคงไม่แต่งตั้ง ผู้สื่อข่าวถามว่า คุณสมบัติของ กก.ตร.ต้องเป็นคนมีเงินหรือไม่ รอง ผบ.ตร.ตอบว่า หลักเกณฑ์ ต้องเอาคนที่มีจิตมุ่งมั่นสนับสนุนงานตำรวจ เป็นผู้แทน ภาคประชาชน เน้นเรื่องการสะท้อนการทำงานของตำรวจ เช่น ถนนไม่ดี การจราจรติดขัด คนเหล่านี้ต้อง เป็นตัวแทนภาคประชาชน ตอนนี้ทุกจังหวัดต้องตื่นตัว ในการพิจารณา ไม่เอาผู้มีอิทธิพลมาเป็น กก.ตร.

ยันวงจรปิดถูกกดปิดหน้าจอ

รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องกล้องวงจรปิดบ้านกำนันนก ที่ผ่านมาได้นำช่างวงจรปิดไป ทดสอบหลายครั้ง ทดสอบปิดโดยใช้สวิตช์ แต่ปิดแบบ ไม่มีการ login เข้าไปในจุดของกล้องที่ส่งมายังโต๊ะจีน ไม่มีภาพ ช่างบอกว่าถ้าไม่มี login เข้าไป จะเป็นการดึงสายออก วันนี้เรื่องกล้องเราให้บริษัทติดตั้งเข้ามาตรวจสอบ กล้องได้ถูกถอดบอร์ดออกมา พบว่าตัวกำนันมากดปิดที่หน้าจอ กล้องตัวที่ไม่เห็นไม่ได้หมายความว่ากล้องไม่ได้มีการบันทึก แต่มีการ กดปิดหน้าจอจึงไม่ได้เป็นการบันทึกไว้ สรุปว่าเป็นการกดปิด และมีข้อมูลสอดคล้องว่าตัวกำนันนกอยู่ในบ้านเพียงคนเดียว

บช.ก.รับไม้ฟัน ตร.ละเว้นหน้าที่

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ภายในงานเลี้ยงบ้านกำนันนกที่อาจถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” ในวันพรุ่งนี้ (18 ก.ย.) จะมีการประมวลรายชื่อทั้งหมดส่งเข้าสู่คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อเข้าสู่วาระการประชุมพิจารณาว่า มีเจ้าหน้าที่รายใดบ้างต้องถูกดำเนินคดีในฐานความผิดนี้ ในจำนวนผู้ถูกส่งรายชื่อพิจารณานั้นมีรายชื่อของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือ ผกก.เบิ้ม ผกก.2 บก.ทล.ที่เสียชีวิตไปแล้วรวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ เป็นเพียงการดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนจะถูกแจ้งข้อหาหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาในการประชุม

เรียกบริษัทสอบโยงฮั้วประมูล

มีรายงานว่าในส่วนของการสอบสวนการฮั้วประมูลเครือข่ายบริษัทกำนันนกนั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับผิดชอบความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูลฯ ได้ออกหมายเรียกพยาน 58 บริษัทที่เคยยื่นซื้อซองใน 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการประกวดราคาจ้างเหมาทำการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย อ.ดอนตูม-ต.ลำลูกบัว และ 2.โครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย ต.ลำลูกบัว-บรรจบทางหลวงหมายเลข 346 แต่กลับไม่เข้าร่วมขั้นตอนการประมูล e-bidding เป็นเหตุให้บริษัทกำนันนกชนะการประมูลคว้างานไปได้ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้เกี่ยวข้องทยอยเข้าให้ปากคำวันละประมาณ 20 บริษัท ตั้งแต่วันที่ 18-20 ก.ย. เวลา 09.00 น. เป็นต้นไปที่ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 7 กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูลฯ (ตรงข้ามกับกองคดียาเสพติด) เพื่อชี้แจงถึงสาเหตุที่ถอนตัวไม่เข้าร่วมการ e-bidding โครงการในครั้งนั้นว่ามีการถูกข่มขู่ หรือมีพฤติการณ์สมยอมราคากันหรือไม่