มอบตัวแล้วมือปืนยิงญาติที่ฉะเชิงเทรา เริ่มจากหมาหลุดมากัดกัน บาดหมางนานแรมปี ก่อนใช้ปืนตัดสินปัญหาบุกยิงสามีเสียชีวิต ภรรยาบาดเจ็บสาหัส อ้างสาเหตุที่แค้นมากเพราะถูกบูลลี่ เรียกไอ้เป๋เวลาทะเลาะกัน 

จากเหตุทะเลาะเรื่องหมาถึงกับฆ่ากัน ร.ต.ท.ณัฐพงษ์ วีระพันธ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา รับแจ้งเมื่อเวลา 17.30 น. เย็นวันที่ 20 สิงหาคม 2566 ว่า นายกมล พ่วงศรี อายุ 43 ปี หรือติ๊ก ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิง นายวิสุต สุจาจริง อายุ 38 ปี เข้าที่บริเวณหน้าอก 4 นัด และยิง นางสาวชาลินี พ่วงศรี อายุ 25 ปี เข้าที่ขา 2 นัด ภายในบ้านพักของนายวิสุต ซอยหลวงนรินทร์ เลขที่ 26/4 ม.9 ต.บางไผ่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่กู้ชีพนำผู้บาดเจ็บทั้งสองส่งโรงพยาบาลพุทธโสธร ก่อนที่ นายวิสุต สุจาจริง จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนายกมล ผู้ก่อเหตุขับรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ 4 ประตู หมายเลขทะเบียน กท 1114 ฉะเชิงเทรา หลบหนีไป โดยสาเหตุญาติของผู้บาดเจ็บทั้งสองเปิดเผยว่า มีปัญหาจากทั้งสองบ้านเลี้ยงหมาไว้ แล้วหมาหลุดมากัดกัน จนมีปากเสียงทะเลาะกันมาแรมปี จนเมื่อช่วงบ่ายวานนี้มีการทำร้ายร่างกายชกต่อย จนถึงขั้นเข้ามายิงถึงบ้าน  

ล่าสุด เช้าวันที่ 21 ส.ค.66 พ.ต.อ.สาธิต มิตรรัก ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า นายกมล ผู้ก่อเหตุได้เข้ามามอบตัวที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงเวลาเที่ยงคืนของคืนที่ผ่านมา พร้อมนำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุมอบให้กับเจ้าหน้าที่ จากการสอบถามนายกมล ยอมรับสารภาพ และให้การว่าสาเหตุเริ่มต้นมาจากเรื่องการเลี้ยงหมาแล้วหมาหลุดมากัดกัน จนเกิดปากเสียงกับนางสาวชาลินี ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง ก่อนจะมีปัญหากับนายวิสุต สามีของนางสาวชาลินี โดยตลอดเวลาที่มีปัญหากัน มีการด่าท่อกันไปมา และสองสามีภรรยาได้พูดบูลลี่นายกมล ผู้ก่อเหตุ เนื่องจาก นายกมล เป็นผู้พิการขาขวาเป๋ จึงเก็บความแค้นอัดอั้นตันใจไว้ ก่อนจะมีปัญหากันเมื่อวานนี้อีกรอบ จนนำมาสู่การก่อเหตุดังกล่าว 

...

เบื้องตน ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ควบคุมตัวนายกมลไว้ รอพนักงานสอบสวนสรุปสำนวน นำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดฉะเชิงเทราในช่วงสายของวันนี้ โดยไม่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากบ้านที่เกิดเหตุเป็นเครือญาติกันทั้งหมดหลายหลังปลูกติดกัน อาจจะเกิดความรุนแรงที่ไม่คาดคิด หรือทำร้ายผู้ต้องหาได้ จึงยกเลิกการทำแผน นอกจากนี้ จากการพูดคุยกับนายกมล ผู้ก่อเหตุได้สำนึกผิดที่ทำลงไป และขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ.