"ชมพู่" อดีตภรรยาวิน จยย.รับจ้างคดี "ฆ่ายกครัว 5 ศพ" หัวใจสลายสูญเสีย 4 ชีวิต คนที่รักมากที่สุด อ้างปมผู้ก่อเหตุผิดหวังเรื่องความรักไปต่อไปไม่ไหว เชื่อตั้งใจมาก่อเหตุ หลังเคยขู่ "จะเอาไปทั้งหมด จะทำให้เสียใจเป็นร้อยเท่า" ขณะที่มูลนิธิปวีณาฯ ยื่นมือช่วยดูแลดำเนินการเรื่องศพ
กรณี นายสมชาย แก้วโกศล อายุ 54 ปี มีอาชีพขับวิน จยย.รับจ้าง ใช้อาวุธปืนยิงนางโสภา จันโสดา อายุ 59 ปี แม่ยาย มีอาชีพขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เสียชีวิต เหตุเกิดที่ตลาดนิกแน็ก ซอยแจ้งวัฒนะ 6 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. จากนั้นนายสมชายเดินทางไปที่ห้อง 225/213 คอนโดบ้านสวนรัชธานี ตึก 5 ชั้น 9 ซอยแจ้งวัฒนะ 6 ก่อเหตุยิง ด.ช.ธนกฤต แก้วเกร็ด อายุ 7 ขวบ ด.ช.กฤตภาส แก้วเกร็ด อายุ 9 ขวบ และ น.ส.ทวี สินมา อายุ 60 ปี พี่แม่ยาย เสียชีวิตรวม 4 ศพ ก่อนจะยิงตัวตายหนีความผิดเป็นศพที่ 5 สาเหตุมาจากโกรธแค้นที่ น.ส.วีระยา สินมา อายุ 39 ปี หรือชมพู่ ที่หนีไปมีชายอื่น และสร้างหนี้สินไว้ให้ จึงฆ่ายกครัวฝ่ายหญิง โดยเด็กทั้งสองเป็นลูกติดของ น.ส.วีระยา เหตุเกิดเมื่อหัวค่ำ วันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้า ที่ สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 8 สิงหาคม 2566 น.ส.รจนา แก้วโกมล ลูกสาวของนายสมชาย แก้วโกมล ผู้ต้องหา เดินทางไปที่สน.ทุ่งสองห้อง กับแม่ ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของนายสมชาย เข้าให้การกับพนักงานสอบสวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา และลงบันทึกประจำวัน กรณีที่ น.ส.วีระยา สินมา หรือชมพู่ ภรรยาของนายสมชาย ที่กลับเข้าไปที่ห้องพักของนายสมชายที่ตึก 1 งัดกุญแจและเข้าไปเอาของบางอย่างในห้อง ซึ่งตนไม่รู้ว่าคืออะไร
น.ส.รจนา กล่าวว่า ส่วน น.ส.วีระยา ตั้งแต่คบหากับพ่อได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่พอเลิกกันได้จดทะเบียนหย่ากับพ่อและแบ่งทรัพย์สินกัน ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว พ่อเคยส่งรูปภาพใบหย่าไปให้ดู ส่วนห้องที่พ่อกับอดีตภรรยาอยู่กัน 2 คน น.ส.วีระยา เคยอ้างว่าตนเป็นคนซื้อ แต่จริงๆ แล้วพ่อของตนเป็นคนซื้อไว้
...
น.ส.รจนา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พ่อเคยโทรศัพท์มาเล่าให้ฟังว่าทะเลาะกันบ่อย แต่พอหย่ากันไปแล้วอีกฝ่ายก็มาง้อขอคืนดีและกลับมาอยู่ด้วยกัน พอทะเลาะกันก็หนีไปอีก เป็นแบบนี้อยู่ 2-3 ครั้ง แต่ช่วงหลังพ่อไม่ค่อยระบายอะไรด้วย มีโทรศัพท์หากันบ้างแต่ส่วนใหญ่จะคุยเรื่องหลานมากกว่า และไม่รู้ว่าพ่อจะก่อเหตุ เพราะพ่อไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ และไม่มีแนวโน้มว่าจะทำร้ายใคร จากนี้จะนำร่างนายสมชายไปทำพิธีบำเพ็ญกุศลที่ศูนย์ชุมชนในหมู่บ้านต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้ากลุ่มเพื่อนและญาติของผู้ก่อเหตุได้เชิญพระจากวัดหลักสี่ มาเชิญดวงวิญญาณของผู้ก่อเหตุที่บริเวณศาลาพักหน้าอาคารคอนโดฯ โดยในที่เกิดเหตุยังพบหมวกที่ผู้ก่อเหตุสวมใส่ตกอยู่ โดยญาติและเพื่อนวินรถ จยย.ต่างก็มาดูด้วยความโศกเศร้าและไม่คิดว่าผู้ก่อเหตุจะจบชีวิตตรงนี้ เพราะจุดที่ผู้ก่อเหตุยิงตัวเองเสียชีวิตเป็นจุดที่ตั้งวินรถ จยย. ยิ่งสร้างความสะเทือนใจให้กับเพื่อนเพื่อนวินเป็นอย่างมาก
ต่อมเวลา 11.30 น. ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ น.ส.วีระยา สินมา อายุ 39 ปี หรือชมพู่ อดีตภรรยาของนายสมชาย หรือโบ้ ผู้ก่อเหตุฆ่ายกครัว 4 ศพ แล้วยิงตัวตายตาม โดย น.ส.วีระยา กล่าวว่า ตนคบกับนายสมชายมานาน 6-7 ปี ตนถูกทำร้ายมาต่อเนื่อง บางครั้งหัวปูด แก้มบวม ถูกเอาปืนจ่อหัว มีพยานที่เป็นคนในคอนโดฯ เห็นกันหลายคน เคยแจ้งความไว้มีตำรวจเข้ามาตรวจสอบมาแล้ว ที่ผ่านมานายสมชายพยายามตามง้อตนให้กลับไปอยู่ด้วย แต่ตนคิดว่าเขาดูแลไม่ไหวที่ต้องมารับผิดชอบทุกอย่างคนเดียว เมื่อรู้สึกว่าไปต่อไปไม่ไหว เพราะนายสมชายมีลูกมีหลานที่เพิ่งคลอดต้องดูแล ในขณะที่ตนก็มีภาระต้องรับผิดชอบ
น.ส.วีระยา กล่าวว่า นายสมชายผู้ก่อเหตุเป็นคนอารมณ์ร้อน และอาวุธปืนที่ใช้มีประจำอยู่แล้ว แต่เก็บไว้ที่ไหนตนไม่ทราบ แต่คิดว่าถ้าวันหนึ่งเขาเมา ก็อาจจะเอามาใช้ก่อเหตุได้ ส่วนห้องพักที่ลูกสาวนายสมชายอ้างว่า ตนเข้าไปงัดห้อง สำหรับห้องดังกล่าวตนซื้อร่วมกับนายสมชาย ได้มาจากเงินที่ได้รับจากประกันโควิด เนื่องจากป่วยโควิดทั้งคู่ โดยใช้ชื่อนายสมชายเป็นเจ้าของห้อง เพราะไม่คิดว่าวันหนึ่งจะเลิกกัน โดยเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องก็เป็นของตนทั้งหมดเป็นคนซื้อเอง เหตุที่ตนเข้าไปในห้องเพื่อเอากุญแจรถ จยย.ที่ตนซื้อด้วยตัวเอง เพราะพบว่ารถที่ตนซื้อไว้นั้น นายสมชายให้คนไปเอามา กระทั่งตนพบรถ จยย.ป้ายเหลือง คันดังกล่าว ที่ตนไว้ใช้ขับวิน จยย.รับจ้าง จึงไปเอากุญแจเพื่อเอารถ จยย.กลับคืนมา เอารถ
น.ส.วีระยา กล่าวว่า ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้น มาจากว่านายสมชาย ต้องการให้ตนกลับไปอยู่ด้วย แต่ตนไม่อยากกลับไป ตัวเขามีเมีย มีลูก มีหลาน ที่จะต้องดูแลในขณะที่ตนต้องดูแลครอบครัวของตน ต่างคนต่างมีภาระ ถ้าอยู่ด้วยกันก็ไปไม่รอด ส่วนประเด็นที่หย่าร้างกันตนไม่ใช่คนที่เสนอ แต่นายสมชายเป็นคนเสนอให้หย่า วันที่ไปหย่ากันไม่มีการโมโหหรืออะไรทั้งสิ้น
น.ส.วีระยา กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้บล็อกไลน์ บล็อกเบอร์ ของนายสมชาย แต่ยังติดต่อทาง Facebook ของตนได้ เพราะรถ จยย.ชื่อตนยังอยู่กับเขา 4 คัน แต่เมื่อ 2-3 วันก่อนตนเปลี่ยนเบอร์มือถือ ไม่สามารถเล่น Facebook ได้ ทำให้นายสมชายติดต่อตนไม่ได้ ทำให้เขาเกิดความโมโหเลยก่อเหตุนี้เกิดขึ้น ตนเพิ่งเปลี่ยนมือถือมาเป็นรายเดือนเมื่อวันศุกร์ที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา เชื่อว่านายสมชายตั้งใจมาก่อเหตุ เนื่องจากเคยขู่ว่า "ถ้าจะเอา เขาจะเอาไปทั้งหมด และจะทำให้ตนเสียใจมากกว่าเขาเสียใจเป็นร้อยเท่า" นายสมชายส่งข้อความลักษณะนี้มาทั้งวัน กระทั่งเขาทำรุนแรงโหดเหี้ยม
น.ส.วีระยา กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนได้รับแจ้งข่าวจากคนในตลาด มีคนทักทางไลน์และ Facebook มาบอกเรื่องแม่ตนจึง รีบโทร. หาป้ากับลูกๆ แต่ว่าไม่มีใครรับโทรศัพท์ ทำให้ตนรู้สึกเอะใจ จึงให้คนที่รู้จักขึ้นไปดูที่ห้อง ตนไม่อยากนึกเลยว่า สภาพที่อยู่ในห้องจะเป็นยังไง จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากเข้าไปดู ส่วนเรื่องคดีความที่เขาก่อกรรมไว้ตนไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ตนสูญเสียทั้ง 4 คนเป็นคนที่รักมากที่สุด ลูกทั้งสองคนเลี้ยงดูมาอย่างเต็มที่ แค่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องห่างจากลูกๆ เพื่อหนีนายสมชาย ทำให้ต้องห่างจากลูก
น.ส.วีระยา กล่าวว่า ส่วนศพของลูกและแม่ได้รับการติดต่อจากทางนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี จะให้การช่วยเหลือในการดูแลดำเนินการเรื่องศพ โดยพาไปรับศพลูกที่ รพ.ภูมิพลฯ และนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 6 วัดเกาะสุวรรณาราม ต่อไป
...