รวบไอ้เต้ หนุ่มจอมกะล่อน หลอกสาวขอนแก่นหลงคารม ไปดาวน์รถ และร่วมลงทุนทำธุรกิจที่อุปโลกน์ขึ้นมามีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วนับ 10 คน ค่าความเสียหายเกือบ 22 ล้าน รถยนต์ 20 คัน จยย. 9 คัน พบมีคดีฉ้อโกง ยักยอก เช็คเด้ง ยาวเป็นหางว่าวทั้งภูธร นครบาลรวม 17 คดี
เวลา 16.00 น. วันที่ 23 มิถุนายน 2566 ที่กองกำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.ภ.4 ร่วมกันจับกุม นายจิรากร เฉลยสุข อายุ 39 ปี อยู่แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 352/2566 ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2566 ในข้อหา “ฉ้อโกง โดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ผู้อื่น” โดยจับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 312 หมู่ 1 ตำบลบ้านหว้า อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
...
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 ได้มี นางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 38 ปี ชาวต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น และนางสาวบี (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ชาว ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสภ.เมืองขอนแก่น ว่า ถูกนายเต้ หรือนายจิรากรหลอกลวง และนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ รวมทั้งยักยอกทรัพย์เงินสด รถยนต์ รวม 12 คัน อยากให้ตำรวจสืบสวนจับกุมนายจิรากรมาดำเนินคดี หลังรับแจ้งความพนักงานสอบสวนได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบจากนั้นได้ประสานงานไปยัง กก.สส.3 บก.สส.ภ.4 เพื่อทำการสืบสวนจับกุมนายเต้
พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 กล่าวถึงการสอบสวนนายเต้ หลังถูกจับกุมตัวว่า นายเต้อ้างว่า ไม่ได้หลอก เพราะรถยนต์ที่ซื้อทุกคัน นายเต้ก็เป็นคนให้เงินทุกคนไปดาวน์ แต่ดาวน์มาแล้วไม่ได้ส่งต่อ ส่วนความสัมพันธ์อื่นๆ ก็ไม่ได้หลอกลวง ทุกคนเต็มใจอยู่กินด้วยกันซึ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ฝ่ายหญิงดาวน์มาทั้งหมดนั้น ผู้ต้องหาปฏิเสธว่าไม่ทราบเรื่อง จึงได้ทำการขยายผล จนพบว่านายเต้มีประวัติอาชญากรรม 17 คดี ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ของ สน.สุทธิสาร ความผิดในหมวดนี้ เป็นความผิดอันยอมความได้ ของ สน.ทุ่งมหาเมฆ คดีฉ้อโกง ของ สภ.บ้านลาด คดีฉ้อโกงประชาชน ของ สน.พหลโยธิน คดีลักทรัพย์ ของ สน.ลาดพร้าว คดีฉ้อโกง ของ สน.พหลโยธิน คดีความผิดอันยอมความได้ ของ สน.เตาปูน คดีความผิดอันยอมความได้ ของ สน.ประชาชื่น คดีฉ้อโกง ของ สภ.เสลภูมิ คดีฉ้อโกง ของ สน.บางเขน คดีตัวการในข้อหายักยอก ของ สน.ยานนาวา คดียักยอก ของ สน.หนองแขม คดีตัวการในข้อหาฉ้อโกง ของ สน.บางเขน คดียักยอก ของ สน.ดอนเมือง คดีฉ้อโกง ของ สน.บางชัน คดีตัวการในข้อหายักยอก ของ สน.โชคชัย คดียักยอก
ทั้งยังมีหมายจับมีหมายจับที่ จ.1862/2554 ข้อหา ลักทรัพย์ ของ ศาลอาญา (ถอนประกาศสืบจับ), ที่ จ.389/2555 ข้อหา ความผิดในหมวดนี้ เป็นความผิดอันยอมความได้ ของ ศาลแขวงพระนครเหนือ (ถอนประกาศสืบจับ), ที่ จ.244/2557 ข้อหา ความผิดในหมวดนี้ เป็นความผิดอันยอมความได้ ของ ศาลแขวงพระนครเหนือ (ถอนประกาศสืบจับ), ที่ จ.95/2560 ข้อหา ยักยอก ของ ศาลแขวงดอนเมือง (ถอนประกาศสืบจับ), ที่ จ.1004/2560 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน ของ ศาลอาญา (ถอนประกาศสืบจับ), ที่ จ.1220/2560 ข้อหา ฉ้อโกง ของ ศาลจังหวัดมีนบุรี (มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย, ที่ จ.5/2563 ข้อหา ฉ้อโกง ของ ศาลแขวงดอนเมือง และหากพื้นที่ใด มีหมายจับผู้ต้องหารายดังกล่าว สามารถอายัดตัวได้ที่สภ.เมืองขอนแก่น ซึ่งขณะนี้มีผู้หญิงที่เป็นผู้เสียหาย เข้าแจ้งความเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองขอนแก่นและพื้นที่อื่นๆ รวม 10 ราย ความเสียหายทั้งหมดเป็นรถยนต์ 20 คัน รถจักรยานยนต์ 9 คัน รวมมูลค่า 21,964,561 บาท
นางสาวเอ ผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความจับนายจิรากร เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพเป็นหมอนวดแผนโบราณ รับนวดตามบ้านพักอาศัยและตามที่ลูกค้าต้องการ จนเมื่อเดือนเมษายน 2565 ก็มีนายเต้มาติดต่อให้ไปนวด โดยนายเต้แนะนำว่า ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ ปปส. และทำเพจรถเช่ารายเดือนและรายปี มีลูกค้าเช่ารถอยู่ทั่วประเทศ จากนั้นก็กลายเป็นลูกค้าประจำ และคนรัก
...
“นายเต้ให้หาเงินมาร่วมลงทุนทำรถเช่า จึงได้กู้เงินให้นายเต้ 1,500,000 บาท และเงินส่วนตัวอีก 1,000,000 บาท โดยนายเต้บอกว่า เงินที่ร่วมทุนกันจะคืนทุกบาท จากนั้นนายเต้ก็ให้เงินไปดาวน์รถยนต์ จำนวน 5 คัน เป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้ารีโว่ 4 ประตู 2 คัน รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าวีออส 1 คัน รถเก๋งฮอนด้าแจ๊ส 2 คัน รถจักรยานยนต์อีก 1 คัน รวมเป็นเงินที่เสียให้นายเต้ 6,835,270 บาท นอกจากนี้ นายเต้ ยังบอกว่า เงินที่เอาไปนั้น นอกจากทำรถเช่าร่วมกันแล้ว ยังร่วมทุนนำรถมินิคูเปอร์เก่าจากญี่ปุ่น เข้ามาในประเทศไทย ซ่อมส่งขายที่ประเทศมาเลเซีย และทำฟาร์มผักไฮโดรโปนิกส์ที่ประเทศลาวและจังหวัดเชียงใหม่ แต่ทุกอย่างที่นายเต้พูดมา ไม่เคยเห็นสถานที่จริง ไม่เคยเห็นสัญญาเช่ารถ และไม่เคยเห็นอู่ซ่อมรถมินิคูเปอร์ มีเพียงนายเต้ส่งรูปสถานที่ต่างๆ มาให้ดูทางไลน์ เมื่อช่วงปลายปี 2565 ติดต่อนายเต้เพื่อทวงเงินที่กู้มา แต่ติดต่อไม่ได้ จึงไปสอบถามที่เต็นท์รถที่นายเต้ เคยพาไปติดต่อซื้อรถ เซลส์จึงบอกว่า นายเต้เคยพาเมียมาซื้อรถ จึงขอที่อยู่เมียนายเต้ และตามไปที่บ้านเมียนายเต้ จนพบนางสาวบี อยู่ที่บ้านพัก พอคุยกับนางสาวบี จึงได้รู้ความจริงว่าถูกหลอกด้วยกันทั้งคู่
ด้านนางสาวบี เปิดเผยว่า มีอาชีพขายสินค้าออนไลน์ รู้จักกับนายเต้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ผ่านแอปลิลูน่า หรือแอป ทางเดียวกันไปด้วยกัน โดยได้โพสต์ไว้ที่บอร์ดในแอปว่า จะกลับบ้านที่บึงกาฬ ขอติดรถไปด้วย จากนั้นนายเต้ก็ทักมาและได้คุยกันทางไลน์ นายเต้แนะนำตัวเองว่าชื่ออาคม คำพิลานนท์ ทำงานเป็นพาราเมดิก หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายฉุกเฉินทางการแพทย์ ในรพ.ชื่อดัง และเป็นช่วงลาพักร้อนหลายวัน จึงจะไปเที่ยวที่จ.บึงกาฬ เมื่อถึงวันเดินทางนายเต้ก็ให้ติดรถมาลงที่จ.บึงกาฬ จากนั้นก็รับกลับไปที่กรุงเทพฯ ซึ่งตลอดเวลาที่ร่วมเดินทางด้วยกัน นายเต้ไม่มีพิรุธ หรือแสดงกิริยาวาจาที่ไม่ดี
...
เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ นายเต้ก็ไลน์มาหา โทรมาจีบ จนเป็นแฟนกัน นายเต้บอกว่า จะไปเซ้งร้านอาหารที่จังหวัดบึงกาฬ ให้ตนดูแลกิจการ แต่วันต่อมานายเต้บอกว่า ตกลงราคากันไม่ได้ จึงไม่ให้ทำ จากนั้นนายเต้ ให้มาร่วมลงทุนทำกิจการรถเช่าที่จังหวัดขอนแก่น โดยเช่าบ้านอยู่ด้วยกันในพื้นที่ ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งการทำรถเช่านั้น นายเต้ บอกว่า รถที่มีปล่อยเช่าหมดแล้ว จึงต้องซื้อรถคันใหม่ และนายเต้ก็ให้เงินไปดาวน์รถยนต์คันใหม่ เป็นรถยนต์ยี่ห้อเอ็มจี 5 จำนวน 1 คัน และเดือนมีนาคม 2564 ให้ดาวน์รถกระบะยี่ห้ออีซูซุเอ็กซ์ซีรีส์ 1 คัน ดาวน์รถโตโยต้า รีโว่ 4 ประตู 1 คัน รถจักรยานยนต์อีก 2 คัน รวมเป็นเงิน 4,624,528 บาท และเงินสดที่ยืมไปทำธุรกิจอีก 900,000 บาท พยายามทวงถามเรื่องเงินที่ยืมไปลงทุนทำฟาร์มผักไฮโดรโปนิกส์ ก็ไม่ได้ ขอดูสัญญาเช่ารถก็ไม่ได้ อ้างว่าติดงาน และต้องย้ายงาน ไม่มีเวลาว่างมาหา จึงพยายามหารายละเอียดที่เกี่ยวกับนายเต้ ในชื่อ อาคม คำพิลานนท์ จนพบว่ามีเพจเฟซบุ๊กแจ้งเตือนภัยว่านายเต้เป็นมิจฉาชีพ จึงได้ติดต่อพูดคุยกับคนโพสต์เตือน จนได้ชื่อที่อยู่ของนายเต้มาในชื่อนายจิรากร เฉลยสุข อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 999/1 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร จึงเก็บหลักฐานไว้ กระทั่งเดือนมีนาคม 2566 ได้พบกับนางสาวเอ มีการพูดคุยกัน และทำให้รู้ว่าต่างคนต่างถูกนายเต้หลอก จึงนำหลักฐานที่มีเข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.เมืองขอนแก่น ให้จับกุมนายเต้มาดำเนินคดี