ปคบ.ร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงผลการทลายเครือข่ายจำหน่ายยาลดน้ำหนักผสมไซบูทรามีนข้ามชาติ "มาเรีย คิม" ส่งขายทั้งในไทยและต่างประเทศ กระจายตรวจค้นเป้าหมาย 6 จุด จับผู้ต้องหาได้ 4 คน พร้อมของกลางกว่า 270 รายการ รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท
เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 15 มิ.ย. 66 ที่ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ. ตัวแทนจาก ป.ป.ส., สำนักคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย., กรมสนับสนุนบริการทางสุขภาพ หรือ สบส., หน่วยงานสืบสวนอาชญากรรมข้ามชาติ หรือ TCIU และสำนักงานกลางแห่งชาติตำรวจสากลกรุงเทพฯ หรือ Interpol NCB Bangkok ร่วมกันแถลงผลการทลายเครือข่ายจำหน่ายยาลดน้ำหนักผสมไซบูทรามีนข้ามชาติ ตรวจค้นเป้าหมาย 6 จุด จับผู้ต้องหาได้ 4 คน มี นายซาบีร์ อุลลาห์ (Mr.Shabir Ullah) อายุ 26 ปี ชาวปากีสถาน, นายแอนโธนี เวิร์ด (Mr.Anthony Verde) อายุ 58 ปี ชาวฟิลิปปินส์, น.ส.พรเพ็ญ ตะเพียนทอง อายุ 30 ปี และ น.ส.วรัญญา แสงราม อายุ 32 ปี พร้อมของกลางกว่า 270 รายการ รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท
จับ นายซาบีร์ ได้ที่อพาร์ตเมนต์ในซอยอ่อนนุช 17 แขวงและเขตสวนหลวง กทม. จับตัว นายแอนโทนี ได้ที่บ้านพักใน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี, จับตัว น.ส.วรัญญา ได้ที่บ้านพักในย่านบางซื่อ กทม. และจับ น.ส.พรเพ็ญ ได้ที่บ้านพักใน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์
พล.ต.ต.อนันต์ เผยว่า สืบเนื่องจาก บก.ปคบ.ได้รับการประสานจากทางการมาเลเซีย และองค์การตำรวจสากล ผ่านกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า นางเกาคาร์ คุซไซโนวา (Ms.Gaukhar Kussainova) อายุ 33 ปี ชาวคาซัคสถาน หรือชื่อในวงการขายยาลดน้ำหนักว่า “มาเรีย คิม” นั้นมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการลักลอบจำหน่ายยาลดน้ำหนักผสมวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ผ่านเว็บไซต์ มีการโพสต์รีวิวโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เนื่องจากพบหลักฐานความเชื่อมโยงเกี่ยวกับกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายเดียวกันที่ถูกจับกุมได้ในประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา
...
พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ยังได้รับการประสานจาก ป.ป.ส. เกี่ยวกับข้อมูลกรณีการจับกุมยาชุดลดน้ำหนักในประเทศจีน มีลักษณะตรงกับยาลดน้ำหนักสูตรที่มีจำหน่ายโดยเครือข่ายของ “มาเรีย คิม” ในประเทศไทย จึงสืบสวนขยายผลจนทราบสถานที่จัดเก็บและบรรจุยาลดน้ำหนัก เพื่อจัดส่งให้ลูกค้า จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย พร้อมของกลางได้ดังกล่าว
“จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ นายซาบีร์ และ นายแอนโทนี รับว่า นางเกาคาร์ หรือ มาเรีย คิม เป็นผู้สั่งการให้บรรจุยาส่งให้ลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ ได้รับค่าจ้างเดือนละ 20,000-25,000 บาท สอดคล้องกับคำให้การของ น.ส.วรัญญาและ น.ส.พรเพ็ญ ต่างยอมรับว่า นางเกาคาร์ ได้สั่งซื้อยาลดน้ำหนักและผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากตน เมื่อได้รับออเดอร์จะจัดหายาตามแหล่งขายต่างๆ ส่งให้กับ นายซาบีร์ และ นายแอนโธนี โดยได้ผลตอบแทนจากการหาซื้อยาลดน้ำหนัก จะบวกกำไรจากยอดสั่งซื้อในแต่ละครั้ง”
ผบก.ปคบ. กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบย้อนหลังยังพบว่ามีการส่งยาลดน้ำหนักไปขายกว่า 34 ประเทศ มากกว่า 600 ครั้ง เช่น สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, สิงคโปร์, อังกฤษ, จีน และมาเลเซีย ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคมที่ผ่านมา เครือข่ายนี้มียอดเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 3 ล้านบาท โดยที่ นางเกาคาร์ หรือ มาเรีย คิม ผู้ต้องหาตามหมายจับ ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานไปยังองค์กรตำรวจสากล เพื่อจับกุมมาดำเนินคดี นอกจากนี้จากการตรวจค้นห้องพักของ นายซาบีร์ ยังพบพยานหลักฐานเป็นใบเสร็จรับเงินของสถานพยาบาลยันฮีคลินิกเวชกรรมจำนวนมาก
จากการสืบสวนขยายผลพบว่า นางเกาคาร์ ได้ว่าจ้างให้คนไทยให้เปิด opd หรือไปเป็นผู้ป่วยในกับสถานพยาบาลดังกล่าว เพื่อให้ได้เลขประจำตัวผู้ป่วย จากนั้นจะให้ นายซาบีร์ โทรศัพท์สั่งซื้อยาลดน้ำหนักจากสถานพยาบาล โดยมีเจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาลนำยามาให้ โดยขั้นตอนทั้งหมดไม่ได้พบแพทย์เพื่อตรวจรักษาแต่อย่างใด เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาได้รับยาลดน้ำหนักจากสถานพยาบาลยันฮีคลินิกเวชกรรมแล้ว จะนำไปผสมกับสารไซบูทรามีน จัดเป็นชุดและส่งขายให้กับลูกค้า
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบสถานพยาบาลยันฮีคลินิกเวชกรรม และตรวจยึดเอกสารประวัติการเข้ารักษาของ นางเกาคาร์ หรือ มาเรีย พบว่ามีประวัติการเข้ารับการรักษา และมีการสั่งจ่ายยาตั้งแต่ปี 2557 ถึง 2566 รวม 113 ครั้ง เป็นการจ่ายยาที่มีความถี่สูง และมีจำนวนปริมาณมากผิดปกติกว่าการจ่ายยาให้ผู้ป่วยเฉพาะราย ตรวจยึดยาไม่มีทะเบียน และพยานหลักฐานอื่นรวม 15 รายการ อีกทั้งพบว่าแพทย์ผู้สั่งจ่ายยาให้แก่กลุ่มผู้ต้องหาเป็นแพทย์แผนจีน ซึ่งตามกฎหมายไม่สามารถจ่ายยาแผนปัจจุบันให้กับผู้ป่วยได้ การกระทำดังกล่าวมีความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ฐานร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องดำเนินคดีกับแพทย์ผู้จ่ายยาและสถานพยาบาลด้วย
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย เบื้องต้นจะถูกดำเนินในข้อหาร่วมกันจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 (ไซบูทรามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันขายยาบรรจุเสร็จหลายขนานโดยจัดเป็นชุด ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ.ดำเนินคดีกฎหมายต่อไป.