กองปราบฯบุกรวบอดีตเมียรอง ผกก. สุดแสบ ข้อหาวางยาไซยาไนด์ฆ่าเท้าแชร์ สาว จ.ราชบุรี หลังญาติเข้าร้องเรียนเพราะ สงสัยสาเหตุการเสียชีวิตและทรัพย์สินกว่า 4 หมื่นบาทหายไป ผลพิสูจน์ศพยันมีสารพิษต้องสงสัยในร่างกาย ซุ่มรวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ ตามล็อกตัวได้ยังปฏิเสธเสียงแข็ง หลังความแตกเหยื่อโผล่บานเบอะ 7-9 คน มีตำรวจหญิงระดับสารวัตรด้วยถึง 2 คน หนักใจส่วนใหญ่ไม่ได้ตรวจพิสูจน์ศพไว้ก่อนเผา แต่ตรวจค้นพบหลักฐานสำคัญขวดไซยาไนด์ในบ้านผู้ต้องหา เตรียมขยายผลแจ้งข้อหาเพิ่มกราวรูด เข้าข่ายฆาตกรต่อเนื่อง
กรณีนางทองพิน เกียรติชนะสิริ อายุ 63 ปีมารดา และ น.ส.นิภาวรรณ ขันวงษ์ อายุ 35 ปี พี่สาวของ น.ส.ศิริพร หรือก้อย ขันวงษ์ อายุ 32 ปีเท้าแชร์สาวชาว จ.กาญจนบุรี เบื้องต้นพบเป็นลมวูบดับปริศนาขณะเดินทางไปทำบุญปล่อยปลากับเพื่อนสนิทที่ริมท่าน้ำแม่น้ำแม่กลองพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เข้าร้องทุกข์ตำรวจกองปราบปราม ช่วยตรวจสอบความผิดปกติเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต เชื่อว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรม เนื่องจากมีทรัพย์สินสูญหายมูลค่าประมาณ 4 หมื่นบาท โดยมีนางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาพรณ์ อดีตภรรยา นายตำรวจระดับ รอง ผกก.ในพื้นที่ จ.ราชบุรี เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หลังจากนั้นชุดสืบสวนกองปราบปรามซุ่มรวบรวมพยานหลักฐานในคดี จนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้แล้ว
บุกจับสาวแสบฆ่าอำพรางคดี
...
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 เม.ย. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขันธ์ ผบก.ป. พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.5 บก.ป. นำกำลังจับกุมนางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาพรณ์ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1285/2566 ลงวันที่ 25 เม.ย.2566 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน บริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ หลังสืบสวนเบื้องต้นมีหลักฐานว่า นางสรารัตน์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ น.ส.ศิริพร จริง ขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับ แนวทางสืบสวนเชื่อว่า นางสรารัตน์น่าจะเป็นผู้นำไซยาไนด์ (Cyanide) เป็นสารเคมีอันตรายผสมอาหารให้ผู้ตายรับประทานเพื่อหวังทรัพย์สิน หลังจับกุมคุมตัวไปสอบสวนดำเนินคดีที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
พบความเกี่ยวพันอีก 7-9 คดี
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่า เบื้องต้นพบว่ามีเหยื่ออย่างน้อย 7-9 คน ที่เดินทางไปกับผู้ต้องหาแล้วเสียชีวิตขณะอยู่ด้วยกัน หรือเสียชีวิตหลังจากหมดสติและนำส่งโรงพยาบาล ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนพิสูจน์ทราบการตายของผู้เสียชีวิตแต่ละราย อย่างไรก็ตาม ในจำนวนนี้มีตำรวจหญิงเสียชีวิตด้วย 2 นาย หนึ่งในนั้นเป็นนายตำรวจระดับสารวัตรผู้ใต้บังคับบัญชาของตนสังกัดฝ่ายอำนวยการ บช.ก. หลังการตายมีทรัพย์สินหายไปราว 1.4 แสนบาท ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนเช่นเดียวกันว่า เสียชีวิตจากฝีมือผู้ต้องหาด้วยหรือไม่ ส่วนสามีที่เป็นตำรวจของผู้ต้องหาจะรู้เห็นกับการกระทำผิดของภรรยาหรือไม่ ขณะนี้ยังสอบสวนไม่พบ
เข้าข่ายฆาตกรต่อเนื่อง
ด้าน พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. กล่าวว่า ขณะนี้รู้ชื่อบุคคลที่เสียชีวิตที่กำลังพิสูจน์ทราบครบแล้ว ขั้นตอนต่อจากนี้ให้ชุดสืบสวนสอบสวนประสานงานกับกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) และโรงพยาบาลตำรวจ แสวงหาหลักฐานต่างๆเพื่อพิสูจน์ความเชื่อมโยง หากพบว่าเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมรายอื่นๆ ด้วยจะดำเนินคดีเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม กำลังจะแจ้งข้อหาอื่นกับผู้ต้องหาเพิ่มเติมด้วย เช่น ข้อหาชิงทรัพย์ เป็นต้น เพราะการกระทำประสงค์ต่อทรัพย์ของผู้ตาย ผู้ต้องหารายนี้เป็นฆาตกรที่หวังทรัพย์สินของผู้ตาย หากพบว่าเกี่ยวข้องกับการตายรายอื่นจริงต้องถือว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่อง
ซุ่มหาหลักฐานพบไซยาไนด์
ส่วนการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องเมื่อวันที่ 19 เม.ย. ญาตินางศิริพรมาร้องเรียนให้ตำรวจกองปราบปรามสืบสวนคดี เพราะไม่เชื่อการทำงานของตำรวจท้องที่ หลังทราบเรื่อง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4.บก.ป. จัดกำลังลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งเร่งประสานขอทราบผลชันสูตรการเสียชีวิตของ น.ส.ศิริพรทันที สามารถพิสูจน์ทราบสาเหตุการตายได้ว่า มีสาร ไซยาไนด์อยู่ในร่างกาย พร้อมทั้งตรวจสอบเรื่องของผู้ที่ไปกับนางสรารัตน์แล้วเสียชีวิตทุกรายมาประมวลวิเคราะห์กับหลักฐานที่ได้มา นำไปสู่การขออำนาจศาลออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาได้ดังกล่าว
“บิ๊กเด่น” สั่งรองโจ๊กขยายผล
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า คดีนี้มีผู้เสียหายไปแจ้งความที่ บก.ป. ตนมอบหมายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบดูแลคดีนี้ เพราะเกี่ยวพันกับคดีในอดีต ทราบว่าขณะนี้กองปราบปรามขอหมายจับและจับกุมตัวแล้ว มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์รวบรวมคดีในอดีตที่เกี่ยวเนื่องกันหลายคดี ให้เร่งขยายผลและดำเนินการสอบสวน เพราะเชื่อว่าเกี่ยวพันกับคดีเดิม มีแผนประทุษกรรมแบบเดิม เชื่อว่าผู้ต้องหาคนเดียวกันจะขยายผลไปทุกคดี คดีหลักเป็นคดีในพื้นที่ จ.ราชบุรี พฤติกรรมฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อำพรางโดยใช้สารพิษไซยาไนด์ ในส่วนสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ต้องดูรายละเอียดหลักฐานต่างๆ ขณะนี้มีคดีหลักแล้ว ส่วนคดีต่างๆจะหาหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป ส่วนมูลเหตุน่าจะเกิดจากเรื่องหนี้สินเป็นหลัก ถามอีกว่าต้องเชิญสามีที่เป็นตำรวจมาสอบปากคำหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการสอบสวน ใครเกี่ยวข้องอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อทางรูปคดีเราต้องนำมาสอบให้หมด ขณะนี้มีผู้กระทำผิดเพียงคนเดียว
...
“โจ๊ก” เร่งทำความจริงให้ปรากฏ
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตนพูดคุยกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ทราบว่า ออกหมายจับและจับกุมตัวแล้ว ผบ.ตร.มอบหมายให้ตนดูคดีนี้ เมื่อวานไล่คดีแล้วพบว่า มีทั้งหมด 7 คดีรวมพื้นที่บ้านโป่ง จะต้องไล่ความเชื่อมโยงอีก 6 คดี สามารถติดต่อพ่อแม่ผู้เสียชีวิตได้ 5 รายรอตนอยู่ที่สโมสรตำรวจ ตนมอบหมายให้ทีมสอบสวนสอบปากคำอยู่ บางรายพ่อแม่นึกว่าลูกเขาตายเอง ไม่ทราบว่าถูกวางยาจึงไม่ได้แจ้งความ วันนี้ต้องทำความจริงให้ปรากฏ โชคดีที่รายสุดท้ายมาร้องทุกข์กับกองบังคับการปราบปรามและมาร้องทุกข์กับตน จะช่วยกันทำงานให้รวดเร็วโดยไล่พยานหลักฐานย้อนหลังทั้งหมด
ตะลึงเหยื่อตำรวจหญิง 2 นาย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า วันนี้เรียกตำรวจ3 พื้นที่คือ จ.กาญจนบุรี จ.นครปฐม และ จ.ราชบุรี ทั้งหมด 6 คดี มาไล่ดูพยานหลักฐานความเชื่อมโยงทั้งหมด เพราะบางรายเกิดมาปีกว่าแล้ว ไม่รู้จะเหลือหลักฐานอะไรอยู่บ้าง ในระยะเวลา 2 ปีพบมีผู้เสียชีวิตในลักษณะเดียวกัน 7 ศพ ระยะเวลาของเหตุที่เกิดขึ้นแต่ละคดีอาจเป็นอุปสรรคต่อการสืบสวนเพราะบางรายไม่ได้มาแจ้งความ และกองพิสูจน์หลักฐานไม่ได้ตรวจที่เกิดเหตุ การเก็บหลักฐานที่เกิดเหตุไม่มี วันนี้ต้องมาตรวจย้อนดูใหม่เป็นความยาก แต่สั่งการให้ทีมไล่ตรวจสอบตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว ใน 7 คดีพบผู้เสียชีวิตในลักษณะเดียวกันเป็นตำรวจ 2 รายที่เหลือเป็นชาวบ้าน ตนมองว่า รายสุดท้ายผ่าศพพบไซยาไนด์แสดงว่าต้องให้กิน ส่วนวิธีการคงไม่ได้แยบยลอะไรมากต้องไล่ตรวจสอบจนพบ ส่วนวัตถุประสงค์การก่อเหตุหลักๆเป็นเรื่องทรัพย์ และต้องตรวจสอบเรื่องทางจิตด้วย แต่อย่าไปตีความว่าเขาเป็นโรคจิต เดี๋ยวจะเป็นเหตุแห่งการยกเว้นคดี และต้องตรวจสอบดูว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องหรือไม่ ต้องทำความจริงให้ปรากฏเพราะเป็นคดีที่ท้าทาย เนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นบุคคลใกล้ชิดกับแวดวงตำรวจ และพักอาศัยอยู่บริเวณแฟลตตำรวจ
...
ผัว-ลูกเหยื่อโร่ให้ข้อมูล
ที่สโมสรตำรวจ สามีและลูกสาว (ขอสงวนนาม) ของนางกะณิกา หรือเอ๊ะ ตุลาเดชารักษ์ อายุ 44 ปี ที่เสียชีวิตลักษณะคล้ายกรณี น.ส.ศิริพร หรือก้อย ขันวงษ์ เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ลูกสาวผู้เสียชีวิตเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ก.ย.65 แม่ขับรถออกไปจากบ้านในพื้นที่กรุงเทพฯ นัดเจอกับนางแอมที่ จ.ราชบุรี มีการเปลี่ยนรถแม่ไปนั่งรถของนางแอมแล้วก็ไปเป็นลมเสียชีวิตอยู่ที่ปั๊ม ปตท. พื้นที่โพธาราม เท่าที่ทราบข้อมูลแม่รู้จักกับนางแอมผ่านเฟซบุ๊กราว 3 เดือน ส่วนใหญ่พูดคุยกันเรื่องปัญหาชีวิต ดูดวง แก้กรรม และทำบุญจนเกิดความไว้ใจ แต่ในวันเกิดเหตุแม่ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน แค่บอกเพียงว่า “เดี๋ยวออกไปข้างนอก กลับตอนเย็น” กระทั่งมาทราบว่าแม่เป็นลมวูบไปที่ปั๊มแล้วเสียชีวิต หมอชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตมาจากมีเลือดออกในสมอง ส่วนข้อเท็จจริงคือ เป็นลมแล้ววูบไป ม่านตาไม่ตอบสนอง
เงิน-ทอง-โทรศัพท์หายไป
“วันเกิดเหตุนางแอมอยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่ได้ ช่วยเหลืออะไร ทำเพียงแค่ยืนรอรถพยาบาลที่มาช้าไป 30 นาที หลังเกิดเรื่องไม่เคยมาพูดคุยกับครอบครัวอย่างเป็นทางการ มีเพียงพูดคุยกับพ่อและน้า แต่ไม่ได้ เล่ารายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บอกแค่ว่าเห็นแม่ เป็นลม รวมถึงยังพยายามย้ำแสดงตัวว่า เป็นภรรยาตำรวจยศใหญ่ ส่วนทรัพย์สินที่หายไปและยังไม่ได้คืนกลับมาได้แก่ โทรศัพท์ 1 เครื่อง เงินสดจำนวนหนึ่ง และทองรูปพรรณหลายบาท เนื่องจากมีภาพสุดท้ายของแม่มีทรัพย์สินจำนวนมาก ที่ผ่านมาพยายามสอบถามไปยังนางแอมแล้วแต่ติดต่อไม่ได้ สุดท้ายก็เงียบหายไป ที่สำคัญที่สุดช่วงงานศพนางแอมไม่เคยมาร่วมงานและไม่เคยมารดน้ำศพแม่ ยืนยันว่า ผู้เสียชีวิตเป็นคนแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว และเพิ่งไปเที่ยวด้วยกันมากับครอบครัว” ลูกสาวผู้เสียชีวิตกล่าว
...
สะกิดใจเพราะเห็นข่าวเหยื่อตาย
ลูกสาวเหยื่อเผยอีกว่า ก่อนหน้านี้ทางครอบครัวยอมรับว่าไม่ได้สงสัย เพราะยังช็อกกับการสูญเสียแม่ แต่พอเรื่องผ่านไป ล่าสุด เห็นข่าวเลยย้อนคิดถึงเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นว่า ผิดปกติ เพราะหลายกรณีส่วนใหญ่วูบแล้ว ก็เสียชีวิตเหมือนกัน รวมถึงทรัพย์สินยังหายไปด้วย หลังเกิดเหตุไม่ได้ไปแจ้งความ แต่สาเหตุที่มาวันนี้อยากได้รับความเป็นธรรมและอยากให้ความจริงกระจ่าง ส่วนเรื่องธุรกิจหรือการยืมเงินหรือการเล่นแชร์จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ยังไม่แน่ชัด ขอให้รายละเอียดอยู่ในสำนวน
“รองโจ๊ก” แจงเชื่อมโยงเพิ่ม 9 คดี
ต่อมาเวลา 14.20 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางกลับมาถึงสโมสรตำรวจ เปิดเผยว่า จากการไล่เลียงเหตุการณ์ดังกล่าวพบว่า คดีนี้ลักษณะคล้ายมีผู้เสียชีวิตถึง 9 คน คดีที่ตำรวจสอบสวนกลางขอศาลออกหมายจับเป็นคดีที่เกิดขึ้นที่บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เพราะฉะนั้นวันนี้ตนจะร่วมประชุม พร้อมเจ้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจภูธรภาค 7 และเรียกตำรวจ 3 จังหวัดพื้นที่เกิดเหตุคือ จ.กาญจนบุรี จ.นครปฐม และ จ.ราชบุรี เนื่องจากคดีนี้มีระยะเวลา ผ่านไปถึง 2 ปี ประเด็นสำคัญคือ การไล่เลียงพยานหลักฐานความเชื่อมโยง เพื่อมัดตัวผู้กระทำความผิด ให้ได้ การที่ศาลออกหมายจับถือว่ามีหลักฐานเพียงพอ จะเอาผิดผู้ต้องหา ส่วนผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธอย่างไรก็ได้ เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาขึ้นอยู่กับว่าศาลจะรับฟังหรือไม่
พบไซยาไนด์ที่บ้านผู้ต้องหา
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ส่วนหลักฐานสำคัญที่นำไปสู่การออกหมายจับคือ การผ่าพิสูจน์พบว่ามีสาร ไซยาไนด์ในร่างกาย หลักฐานจากการตรวจที่เกิดเหตุ พบขวดไซยาไนด์อยู่ที่หลังบ้าน ส่วนเหตุจูงใจน่าจะ เป็นเรื่องประสงค์ต่อทรัพย์สิน แต่สิ่งที่เห็นชัดเจนคือ ผู้ตายทั้งหมดเป็นคนที่อยู่แวดล้อมกับผู้ก่อเหตุอยู่ที่ แฟลตตำรวจและเป็นตำรวจ ตัวผู้ก่อเหตุจึงรู้ว่าเป้าหมาย ทำอะไรอยู่ มีเงินหรือไม่มีเงิน ต้องดำเนินการให้ถึง ที่สุดว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่ เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นการฆาตกรรมต่อเนื่อง วันนี้ญาติผู้ตายอยู่ที่นี่กับตน 5 ราย ซึ่งน่าเห็นใจ เนื่องจากตอนแรกไม่ทราบว่าลูกเสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไรคิดว่าเสียชีวิตจากสาเหตุธรรมชาติ ที่ผ่านมาญาติไม่ได้ติดใจสาเหตุการตายจึงไม่มีการไปแจ้งความ เจ้าหน้าที่เป็นห่วงเรื่องพยานหลักฐานมาก เนื่องจากต้องใช้พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ต้องขอรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ทุกราย
คุมตัว “แอม” มาให้สอบสวน
ต่อมาเวลา 14.40 น. ตำรวจกองปราบฯคุมตัว นางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาพรณ์ มาให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สอบสวนใช้เวลาประมาณ 1 ชม. จึงแล้วเสร็จ ก่อนที่ตำรวจกองปราบฯจะคุมตัวนางสรารัตน์กลับไปสอบสวนต่อที่กองบังคับการปราบปราม ระหว่างถูกคุมตัวนางสรารัตน์ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ ตำรวจต้อง คอยกันสื่อมวลชนให้ออกห่างจากนางสรารัตน์เพราะอยู่ในระหว่างตั้งครรภ์
มูลนิธิให้ข้อมูลทรัพย์สินเหยื่อ
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่มูลนิธิวินวินเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หลังพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องกับพยานหลักฐานกรณีการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.หญิง กานดา โตไร่ ในพื้นที่ จ.ราชบุรี พบว่ากล้องหน้ารถสมาร์ทวอตช์ ไอแพด และโทรศัพท์มือถือ ทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตหายไป หลังจากพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนคืนทรัพย์สินดังกล่าวให้ญาติผู้เสียชีวิต
เพื่อนอดีตสามีสงสัยถูกฆ่าด้วย
ที่ จ.ราชบุรี เพื่อนของนายสุทธิศักดิ์ หรือแด้ พูนขวัญ อายุ 36 ปี อดีตแฟนของนางสรารัตน์ หรือแอม ผู้ต้องหา ที่เสียชีวิตขณะคบหาลักษณะเดียวกับเหยื่อรายอื่นที่ จ.อุดรธานี เผยว่า หลังจากนายแด้รู้จักและมีความสัมพันธ์กับ น.ส.แอม เพื่อนของตนปรนเปรอทั้งเงินทองให้ตลอด เนื่องจาก น.ส.แอมเป็นคนปากหวาน เอาใจเก่ง โปรไฟล์ดี มีอาชีพทำแชร์และรับจำนองที่ดิน รถยนต์ แต่ทุกครั้งที่โทร.พูดคุย น.ส.แอมจะทิ้งท้ายว่า “แล้วโอนเงินมาด้วยนะ” ต่อมานายแด้ไปทำธุรกิจปล่?