เสี่ยหนุ่มเจ้าของโรงงานรีไซเคิลเครียด พยายามฆ่าตัวตายในห้องทำงาน ญาติเห็น ภาพวงจรปิดรีบแจ้งเมียพาลูกน้องเข้าไปช่วยแย่งปืน กระสุนลั่นเจาะอกเสมียนสาวอาการสาหัส ก่อนคลั่งไล่ยิงคนงานอีก 3 คนที่ตามไปช่วยเผ่นหนีกระเจิง แล้วตัดสินใจระเบิดขมับตัวเองตายสยอง เมียเผยผัวเป็นคนจริงจังในการทำงาน ชอบคิดมากจนเกิดความเครียดสะสม เคยแนะไปหาหมอแต่ไม่ได้ผล
เหตุระทึกเสี่ยโรงงานรีไซเคิลเครียดก่อเหตุสยองรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 26 มี.ค. พ.ต.ต.ปรีชา เข็มศิริ สว.(สอบสวน) สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา รับแจ้งเหตุยิงกันในโรงงานรีไซเคิลบริษัทฟู่อี้ อิเล็คทรอนิกส์ แอนด์ พลาสติก รีไซเคิล จำกัด เลขที่ 41/3 หมู่ 16 ต.บางปะกง ไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษ์สัณห์ มีศรี ผกก.สภ.บางปะกง พ.ต.ท.อำนาจ ยิ้มเนียม รอง ผกก.ป. หน่วยกู้ภัยฉะเชิง เทรา และกู้ชีพโรงพยาบาลบางปะกง
บริเวณชานพักบันไดชั้นสองของสำนักงาน พบร่างนายภูมิพัฒน์ แก้ววรากาญจน์ อายุ 39 ปี เจ้าของบริษัท นอนหายใจรวยริน มีแผลถูกยิงขมับขวา 1 นัด ข้างตัวพบปืน 11 มม.ตกอยู่ 1 กระบอก ตรวจสอบบนชั้นสามพบร่าง น.ส.หทัยภัทร นพวรรณ อายุ 28 ปี เสมียนบริษัท ถูกยิงกลางอก 1 นัด อาการสาหัส ภายในออฟฟิศพบปลอกกระสุน 11 มม. 2 ปลอก และใต้บันไดอีก 4 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานพร้อมนำผู้บาดเจ็บทั้งสองรายส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 แต่นายภูมิพัฒน์อาการหนักเสียชีวิตต่อมา ส่วน น.ส.หทัยภัทรกระสุนฝังในญาติย้ายไปรักษาที่ รพ.วิภาราม จ.ชลบุรี
น.ส.ชญานิศ พรมลือ อายุ 39 ปี ภรรยานายภูมิพัฒน์ ที่อยู่ในเหตุการณ์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุรับแจ้งจากญาติดูกล้องวงจรปิดภายในบริษัทเห็นนายภูมิพัฒน์ สามีอยู่ในห้องทำงานท่าทางเคร่ง เครียดหยิบปืนออกมาก้มหน้าผิดปกติ กลัวว่าสามีจะฆ่าตัวตาย รีบเรียกลูกน้องไปช่วย เมื่อไปถึงเห็นผู้ตายถือปืนจะยิงตัวตาย ตนกับ น.ส.หทัยภัทรวิ่งเข้าไปแย่งปืน จังหวะเสมียนสาวเข้าไปล็อกตัว กระสุนลั่นโดนหน้าอกล้มฟุบ ก่อนที่นายภูมิพัฒน์จะคลุ้มคลั่งหันไปยิงคนงานชาวเมียนมาที่ตามมาช่วยพากันวิ่งหนีกระเจิงลงบันได สามียังตามไปไล่ยิงอีก 2-3 นัดแล้วจ่อยิงขมับตัวเองฆ่าตัวตายที่ชานพักบันไดชั้นสอง
...
เมียผู้ตายให้การอีกว่า ส่วนชนวนการก่อเหตุคาดว่ามาจากความเครียดเรื่องโรงงานรีไซเคิล เนื่องจากสามีเป็นคนจริงจังในการทำงานชอบคิดโน่นคิดนี่อยู่ตลอดเวลา ทั้งเรื่องการพัฒนาธุรกิจและปัญหาต่างๆ แม้แต่เรื่องของในโรงงานหายก็ยังคิดมาก คิดว่าเป็นฝีมือคนในบริษัท พยายามหาทางออกคิดไปคิดมากลายเป็นความเครียดสะสมเรื่อยมา ที่ผ่านมาพยายามให้คำปรึกษาและบอกให้ไปหาหมอเพื่อรักษาอาการ แต่ไม่ได้ผล กระทั่งเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ด้านนางซา อายุ 40 ปี คนงานชาวเมียนมา ให้การเพิ่มเติมว่า ขณะทำงานอยู่ด้านล่างได้ยินเสียงน.ส.ชญานิศเรียกให้ไปช่วยจับนายภูมิพัฒน์ รีบขึ้นไปบนชั้นสามพร้อมกับคนงานชายอีก 2 คน พอไปถึงเห็น น.ส.ชญานิศ กับ น.ส.หทัยภัทร ช่วยกันแย่งปืน ก่อนมีเสียงปืนดัง 1 นัดพร้อมกับร่างของ น.ส.หทัยภัทรทรุดกับพื้น ตกใจรีบวิ่งหนีลงมาก่อนถูกนายจ้างตามยิงไล่หลัง แต่ไม่รู้กี่นัด กระทั่งสิ้นเสียงปืนนัดสุดท้ายย้อนไปดูพบนายภูมิพัฒน์ยิงตัวตายคาชานบันไดแล้ว