พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี มีคำสั่งให้ ดาบตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ออกราชการไว้ก่อน กรณีจับบุหรี่ไฟฟ้ารีดเงินนักท่องเที่ยวชาวจีน 6 หมื่น แม้เจ้าตัวปฏิเสธ บอกที่ผ่านมาตั้งใจทำงานมาโดยตลอด
จากกรณี สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย ออกมาแฉพฤติกรรม กลางรายการโหนกระแส ว่ามี ดาบตำรวจนายหนึ่ง ของ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รีดเงินนักท่องเที่ยวชาวจีน กรณีพกพาบุหรี่ไฟฟ้า ในราคา 60,000 บาท ก่อนต่อรองเหลือ 30,000 บาท โดยมีภาพถ่ายยืนยัน ต่อมาช่วงค่ำของวันที่ 31 ม.ค.2566 พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้มีหนังสือ สั่งการด่วนที่สุด เพื่อสั่งสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง
เบื้องต้นทราบว่า บุคคลที่ปรากฏตามภาพข่าว คือ ด.ต.นพกฤษฎิ์ พรวัฒนธนกิตติ์ ผบ.หมู่งานจราจร สภ.เมืองพัทยา ตรวจสอบเบื้องต้นน่าเชื่อว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงตามที่ปรากฏในข่าว เพื่อให้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติ ตํารวจภูธรจังหวัดชลบุรี จึงได้มีคำสั่งที่ 34/2566 ลงวันที่ 31 มกราคม 2566 ให้ ด.ต.นพกฤษฎิ์ พรวัฒนธนกิตติ์ ไปปฏิบัติราชการ ณ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัด ชลบุรี โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเดิม และมีคําสั่งที่ 35/2566 ลงวันที่ 31 มกราคม 2566 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง
ต่อมา วันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา นางวิจิตรา จำนันจ์สิริ ผอ.สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเขต 2 พร้อมคณะได้เดินทางมายัง สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อเก็บหลักฐาน และข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ที่บันทึกระหว่างการเจรจาไว้ได้ช่วงหนึ่ง เพื่อจะทำรายงานผลความคืบหน้าส่งให้ เลขาธิการ ป.ป.ท. เพื่อรายงาน ท่านนายกรัฐมนตรีต่อไป
กระทั่ง วันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่าน ได้มีคำสั่งหนังสือ ที่ 42/2566 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ในกรณีดังกล่าว คำสั่ง ภ.จว.ชลบุรี ที่ 43/2566 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 66 ให้ ด.ต.นพกฤษฎิ์ พรวัฒนธนกิตติ์ ผบ.หมู่งานจราจร สภ.เมืองพัทยา ออกจากราชการไว้ก่อน และได้สั่งการให้ สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ถูกกล่าวหาในลำดับต่อไป
...
ล่าสุดวันนี้ 8 ก.พ. 2566 พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กล่าวว่า ในเบื้องต้น หลังจากที่ปรากฏเป็นสื่อทางโซเชียล ออกรายการโหนกระแส ตำรวจได้มีการสืบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ มีผลการสืบสวน คุณไพศาล ซึ่งเป็นสมาคมมัคคุเทศก์ของประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง แล้วก็ได้ติดต่อไกด์ที่อยู่กับนักท่องเที่ยว ได้มีการสัมภาษณ์พูดคุยกันผ่านระบบ WeChat แล้วก็ยืนยันว่ามีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นจริงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนี้ มีการเรียกรับเงินเพื่อไม่จับกุมดำเนินคดีกับนักท่องเที่ยวที่มีบุหรี่ไฟฟ้า
พร้อมทั้งเสนอความเห็นมาว่ามีมูลความผิดทั้งในส่วนของวินัยร้ายแรง และในส่วนของความผิดคดีอาญาพอมาถึงทางตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้รับเรื่องแล้ว เราก็เลยตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง แล้วก็มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ในส่วนของความผิดในคดีอาญา ในเรื่องของการเรียกรับ หรือยอมจะรับผลประโยชน์และก็เป็นเรื่องเจ้าพนักงาน ก็ได้สั่งให้ต้นสังกัดก็คือพื้นที่เกิดเหตุ คือโรงพักพัทยา ร้องทุกดำเนินคดีไปตามอำนาจหน้าที่.