ตำรวจ สภ.เมืองลพบุรีคุมตัว ต้น เคราแพะ 1 ใน ผู้ต้องหาคดีฆ่าแล้วเผาอำพรางศพ แตงไทย ท่าวุ้ง รับเป็นคนขับรถและพาผู้ร่วมก่อเหตุหลบหนี โดย จนท.มุ่งปมหักหลังเรื่องยาเสพติด เร่งติดตาม 2 คนที่เหลือ
ความคืบหน้าคดียิงนายสุวิทย์ เกิดแก้ว หรือแตงไทย ท่าวุ้ง หนุ่มเงินกู้แล้วเผาอำพรางในรถเก๋ง และมีรายงานว่า นายนิคม บุญหนัก หรือฉายา “ต้น เคราแพะ” อายุ 36 ปี ชาวบ้านหมู่ 12 ต.โพธิ์เก้าต้น อ.เมือง ลพบุรี 1 ใน 3 ผู้ต้องหาได้ติดต่อขอมอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองลพบุรี เมื่อช่วงกลางดึกของเมื่อคืนวันที่ 20 ม.ค. 66 ที่ผ่านมาโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปรับตัวมาจาก ไร่อ้อยแห่งหนึ่ง ใน อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี ก่อนสอบสวนเบื้องต้นกับพนักงานสอบสวน
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2566 ตำรวจนำตัวต้น เคราแพะมาชี้จุดนัดพบ เพื่อเจอกับ แตงไทย ท่าวุ้ง ผู้ตายเพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างรัดกุม รอบคอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 30 นาย
...
ตำรวจได้นำตัวต้น เคราแพะ ไปชี้จุดการวางแผนเริ่มต้นกันที่ร้านอาหารครัวบายพาส ริมถนนหมายเลข 366 หมู่ที่ 8 ต.กกโก อ.เมือง ลพบุรี ที่อยู่ห่างจากจุดสังหารประมาณ 5 กิโลเมตร โดยมีนายนุพล ศรีมูล หรืออาร์ม อายุ 32 ปี นายคัมภีร์ ลาเหลา หรือ เหลา อายุ 26 ปี ฉายาเบนซ์เล็ก และตนเองได้นั่งดื่มสุรากันก่อน ที่ตนเองจะขับรถมายังจุดเกิดเหตุเพื่อรับของ
นายนิคม ให้การต่อว่าหลังจากพูดคุย ดื่มสุราที่ร้านครัวบายพาสสักครู่ ได้โทรนัดหมายนายสุวิทย์ ผู้ตาย ให้มารอบริเวณจุดสังหาร จนเวลาประมาณ 23.35 น. วันที่ 16 ม.ค. พวกตนได้เดินทางมาจุดดังกล่าว โดยที่ผู้ตายได้ขับรถมาจอดรออยู่ก่อนแล้ว โดยตนเป็นคนขับนั่งอยู่บนรถกับนายคัมภีร์ โดยมีนายนุพล หรืออาร์ม เป็นคงลงจากรถไปพูดคุยกับนายสุวิทย์ ผู้ตายสักครู่ ก่อนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 2 นัด รถผู้ตายได้ไหลเอื่อยก่อนจอดสงบนิ่ง หลังจากนั้นพวกตนจึงขับรถหลบหนีไป โดยนายนุพล หรืออาร์ม ไม่แน่ใจว่านายสุวิทย์ ตายจริงหรือไม่ จึงได้ขับรถย้อนมาดูอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ โดยครั้งนี้ได้นำน้ำมันเชื้อเพลิงที่เตรียมมาด้วย ก่อนที่นายนุพล หรืออาร์มจะลงจากรถราดน้ำมัน และเป็นคนลงมือจุดไฟเผาทั้งรถทั้งคนหลังจากนั้นได้แยกย้ายกันหลบหนี โดยไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
ขณะที่กำลังทำแผนอยู่นั้น ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ได้เจอปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 1 ปลอกตกอยู่ตรงจุดเกิดเหตุ ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของ ต้น เคราแพะ ที่ได้ยินเสียงปืนจำนวน 2 นัด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจหาพบเพียง 1 ปลอกตั้งแต่วันเกิดเหตุ ต้น เคราแพะ กล่าวต่ออีกว่า ตัวเองเป็นเพียงคนขับรถ และถูกให้ไปซื้อน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่ง โดยทราบเพียงว่าจะมาเอายาบ้าจากผู้ตายประมาณ 1 แสนเม็ด โดยไม่รู้มาก่อนว่าจะถึงขั้นยิงทิ้งและเผาอำพราง ซึ่งตนเองก่อนที่จะติดต่อขอมอบตัวได้ปฏิญาณไว้ว่าเมื่อตนเองพ้นโทษจะบวชอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตาย ก่อนที่ต้น เคราแพะ จะก้มลงกราบจุดที่เกิดเหตุด้วยน้ำตาคลอเบ้า
พล.ต.ต.อภิรักษ์ เวชกาญจนา ผบก.ภ.จว.ลพบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ติดตามการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากทราบความคืบหน้าจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ลพบุรี ที่ได้ตรวจสอบรถยนต์ของผู้เสียชีวิตที่ถูกไฟเผาเรียบร้อยแล้ว และผลจากการชันสูตรศพ ซึ่งระบุว่า ผู้ตายถูกยิงที่กะโหลกศีรษะ 1 นัด ที่บริเวณท้ายทอย 1 นัด
...
ผบก.ภ.จว.ลพบุรี กล่าวต่อว่า ประเด็นการสังหารโหดในครั้งนี้มาจากเรื่องหักหลังเรื่องยาเสพติด โดยพบว่านายสุวิทย์ หรือ "เเตงไทย ท่าวุ้ง" กับกลุ่มคนร้ายทั้ง 3 ราย เป็นเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มเดียวกัน มีประวัติโชกโชน ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี และพื้นที่รอยต่อที่ทางตำรวจได้แกะรอยเพื่อดำเนินคดีแต่มาฆ่าตัดตอนกันเองเสียก่อน โดยคำรับสารภาพในเบื้องต้นของต้น เคราแพะ จะรับสารภาพว่าเป็นเพียงแค่คนขับรถ และพาหลบหนีเท่านั้น เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้แล้ว
ขณะนี้ทางตำรวจชุดสืบสวนลพบุรี ได้จัดกำลังไล่ล่าติดตามคนร้ายอีก 2 คนอย่างกระชั้นชิด ที่คาดว่าน่าจะได้ตัวในเร็ววัน มาเพื่อสอบสวนประเด็นสังหารโหดในครั้งนี้ ในเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซ่อนเร้นหรือทำลายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือ ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้มีอาวุธปืนติดตัวและไม่มีเหตุอันสมควร วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น.
...